svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ประชาชน-ประชาชาติ"ขอสภาฯ ถกญัตติด่วน "คดีตากใบ"

พรรคประชาชน -ประชาชาติ จี้ สภาฯถกญัตติด่วน "คดีตากใบ" ก่อนหมดอายุความเที่ยงคืนวันนี้ ขณะเพื่อไทยโดดขวางป้อง"อุ๊งอิ๊ง" บอกตอนนั้นเพิ่ง 10 กว่าขวบ

25 ตุลาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มี "นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา" ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม โดย"นายรอมฎอน ปัญจอ" สส.พรรคประชาชน ได้เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาผลกระทบกรณีการขาดอายุความคดีตากใบและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐและการแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้

ขณะที่"นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ" สส.พรรคประชาชาติ เสนอญัตติ ด่วนด้วยวาจาขอให้สภาผู้แทนราษฎรร่วมกันพิจารณาหาทางออกกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีสลายการชุมนุมคดีตากใบที่จะขาดอายุความในวันนี้เวลาเที่ยงคืน

ด้าน"นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์"สส.พรรคเพื่อไทย  เสนอญัตติไม่เห็นด้วย ที่จะนำคดีตากใบมาพิจารณาเป็นญัตติด่วน โดยมีสส.พรรคเพื่อไทยยกมือรับรอง 

ดังนั้น เมื่อมีความเห็นต่างประธานในที่ประชุม จึงเปิดโอกาสให้มีการอภิปราย แสดงความคิดเห็นก่อนให้มีการลงมติว่าที่ประชุมจะเห็นด้วยให้เลื่อนญัตติ "คดีตากใบ" ขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่ 

จากนั้น "นายรอมฎอน" อภิปรายถึงเหตุผลในการเสนอญัตติว่า เหตุการณ์ต่างๆในภาคใต้รวมคดีตากใบมีความรุนแรงที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 7,000 คน เป็นปมสำคัญและจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและประชาชน ดังนั้นต้องสะสางเรื่องดังกล่าวอย่างมีวุฒิภาวะเพื่อหาข้อยุติ โดยหาทางออกทางการเมือง พร้อมย้ำว่าขณะนี้กระบวนการยุติธรรมถูกท้าทายและอยู่ในภาวะตีบตัน ทำให้เกิดคำถามว่า ประเทศกำลังปกครอง ด้วยจริยธรรมหรือไม่ และความยุติธรรมจะเกิดขึ้นหรือไม่

 

\"ประชาชน-ประชาชาติ\"ขอสภาฯ ถกญัตติด่วน \"คดีตากใบ\" ขณะนี้ได้เริ่มเกิดความรุนแรงและคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตจนกลายเป็นปมใหม่ ต่อกระบวนการสันติภาพ เชื่อว่า ความไว้วางใจ ต่ออำนาจรัฐกำลังถดถอย เพราะไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนจริงหรือไม่ และในสภาเป็นหน้าที่ทางการเมือง ที่ทำเรื่องยากและท้าทาย ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย ต้องนำปัญหา ทางการเมืองระหว่างรัฐกับประชาชนที่ไม่ลงรอยกัน โดยมีพื้นที่สภารองรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด โดยเฉพาะการรับฟังความเห็นที่แตกต่าง เช่นเดียวกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎร เปิดโอกาส ให้สมาชิกได้อภิปรายหาทางออกปัญหาใหญ่

ด้าน"นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์" สส.พรรคเพื่อไทย  เสนอญัตติไม่เห็นด้วย ที่จะนำคดีตากใบมาพิจารณาเป็นญัตติด่วน โดย มีสส.พรรคเพื่อไทยยกมือรับรอง 

ดังนั้น เมื่อมีความเห็นต่างประธานในที่ประชุม จึงเปิดโอกาสให้มีการอภิปราย แสดงความคิดเห็นก่อนให้มีการลงมติว่าที่ประชุมจะเห็นด้วยให้เลื่อนญัตติคดีตากใบขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่ 

จากนั้น"นายรอมฎอน"อภิปรายถึงเหตุผลในการเสนอญัตติว่า เหตุการณ์ต่างๆในภาคใต้รวมคดีตากใบมีความรุนแรงที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 7,000 คน เป็นปมสำคัญและจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและประชาชน ดังนั้นต้องสะสางเรื่องดังกล่าวอย่างมีวุฒิภาวะเพื่อหาข้อยุติ โดยหาทางออกทางการเมือง พร้อมย้ำว่าขณะนี้กระบวนการยุติธรรมถูกท้าทายและอยู่ในภาวะตีบตัน ทำให้เกิดคำถามว่า ประเทศกำลังปกครอง ด้วยจริยธรรมหรือไม่ และความยุติธรรมจะเกิดขึ้นหรือไม่

"นายรอมฎอน ปัญจอ" สส.พรรคประชาชน

ขณะนี้ได้เริ่มเกิดความรุนแรงและคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตจนกลายเป็นปมใหม่ ต่อกระบวนการสันติภาพ เชื่อว่า ความไว้วางใจ ต่ออำนาจรัฐกำลังถดถอย เพราะไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนจริงหรือไม่ และในสภาเป็นหน้าที่ทางการเมือง ที่ทำเรื่องยากและท้าทาย ในฐานะตัวแทนปวงชนชาวไทย ต้องนำปัญหา ทางการเมืองระหว่างรัฐกับประชาชนที่ไม่ลงรอยกัน โดยมีพื้นที่สภารองรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิด โดยเฉพาะการรับฟังความเห็นที่แตกต่าง เช่นเดียวกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎร เปิดโอกาส ให้สมาชิกได้อภิปรายหาทางออกปัญหาใหญ่

"เรื่องนี้เป็นปัญหาทางการเมืองแต่ไม่ใช่การเมืองระหว่างพรรคการเมืองแต่เป็นการเมืองระหว่างรัฐกับประชาชน และอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ที่เปราะบาง แทนที่จะใช้เสียงระเบิดเสียงปืนมาผูกขาดความจริง ควรจะใช้เวทีนี้ในการหาทางออก"นายรอมฎอนกล่าว

ขณะที่ "นายกมลศักดิ์" อภิปรายถึงเหตุผลในการเสนอญัตติ ว่า สถานการณ์ขณะนี้มีความน่าเป็นห่วง คดีตากใบไม่อยากให้เป็นเรื่องของพรรคประชาชาติเพียงพรรคเดียวแต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่แสดงความเห็นถึงฝ่ายบริหารในฐานะที่เราอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อสะท้อนไปสู่การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ปัญหาชายแดนภาคใต้เราพูดกันมานานแล้วเหตุการณ์ตากใบเป็นเรื่องหนึ่งนำไปสู่เงื่อนไขใหม่ถ้าหากเราปล่อยโดยที่ไม่ได้ดำเนินการหรือทำให้เรื่องนี้ผ่านไปเลยโดยไม่ใส่ใจ คดีตากใบตอนนี้เราได้บทเรียนอะไรบ้าง ตอนนี้มีการเบี่ยงเบนหลายประเด็น ที่ว่าทำไมเพิ่งมาฟ้องตอนนี้

แม้จะได้รับเงินเยียวยาแล้ว แต่คดีอาญายังไม่ระงับ ต้องเข้าใจกว่าประชาชนจะรวบรวมความกล้าออกมาฟ้องร้องรัฐก็เหลือ เวลาอีกแค่ 1 ปีก่อนคดีจะหมดอายุความ ขออย่ามองพวกเขาเป็นโจร เพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้งเพิ่มขึ้น เราจึงติดตามและอยากให้ฝ่ายบริหารเอาจริงเอาจังติดตามเอาตัวผู้กระทำความผิดลงโทษให้ได้ใน จำเลย 7 คนกับผู้ต้องหาอีก 7 ราย  นี่คือครั้งแรกที่อดีตแม่ทัพ อดีตผู้บัญชาการภาค 9 และผู้บริหารระดับสูงถูกออกหมายจับในกรณีที่ทำให้พี่น้องในพื้นที่เสียชีวิต ดังนั้น อยากให้สภาแห่งนี้สะท้อนให้ผู้ปฏิบัติงานปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ 

"นายกมลศักดิ์"กล่าวต่อว่า ตอนนี้ทราบว่ามีคนที่ยังทำงานอยู่ภายใต้กระทรวงกลาโหมและภายใต้กระทรวงมหาดไทยแต่ผู้บังคับบัญชา ยังไม่สามารถนำตัวมาลงโทษได้ และยังมีเวลา ถึงเที่ยงคืนของวันนี้พี่จะมอบตัวเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่ให้ดีขึ้น 

"ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ออกมาขอโทษ แต่ขอให้แสดงความจริงใจด้วยการช่วยแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 ว่าด้วยอายุความ แสดงให้เห็นถึงความจริงใจมากขึ้น เพราะคำขอโทษก่อนหน้านี้ พี่น้อง 3 จังหวัดก็เคยได้ยินได้ฟังมา 2 ครั้งแล้ว การแสดงความจริงใจประกอบคำขอโทษช่วยเสนอแก้กฎหมายด้วย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคดีตากใบ รวมถึงคดีการชุมนุม อื่นๆด้วย เพื่อให้ชาวบ้านที่นั่น อย่างน้อยที่สุดมีความรู้สึกว่า ลุกขึ้นสู้แม้ไปไม่สุดทาง แต่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย"นายกมลศักดิ์ กล่าว

ด้าน "นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นแสดงความเห็นว่า ตนลุกขึ้นมา ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เห็นด้วยในทุกประการที่นายรอมฎอนและนายกมลศักดิ์พูดมา ตนเสียใจกับผู้สูญเสีย ไม่ว่าจะมีการเยียวยาหรือไม่ เรื่องนี้ผ่านมา 20 ปี ก็เป็นมรดกความคิด อีก 50 ปี เรื่องนี้ก็ไม่มีวันลืมได้เลย ตนคิดว่าพี่น้องชาวไทยก็มีความคิดอย่างนั้นเช่นกัน ไม่มีอะไรที่จะเห็นแย้งในการที่จะให้กระบวนการยุติธรรม

"นายประยุทธ์" กล่าวต่อว่า ส่วนตัวมีความสงสัยเหมือนกันว่าถ้าเป็นผู้สูญเสีย จะฟ้องตั้งแต่วันแรก แต่ทำไมมาฟ้องในปีสุดท้าย เหลืออีกไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน ตนเสียดาย และอยากให้ตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี หรืออยากให้มีอะไรดลใจให้ผู้ต้องหามามอบตัวด้วยซ้ำไป ซึ่งถือเป็นความคิดไม่ได้แตกต่างกัน

"นายประยุทธ์" ตั้งคำถามว่า ในสังคมสื่อพูดถึงมาตรา 172 ในการให้รัฐบาลออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ซึ่งมีข้อจำกัดเหมือนกันว่าออกได้ในกรณีใดบ้าง การออก พ.ร.ก. มันออกไม่ได้เฉพาะเจาะจงกรณีใดกรณีหนึ่ง มันก็ไม่ได้เช่นกัน การเรียกร้องให้รัฐบาลออก พ.ร.ก. ตนก็คิดได้ แต่ต้องคิดในใจคิดออกมาข้างนอกแล้วผิดหมด 

"การที่จะเรียกร้องให้ท่านนายกฯ ต้องมารับผิดชอบ ท่านประธานครับ ในขณะที่เกิดเหตุ นายกฯ 10 กว่าปี ยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ บ้านเมืองเรามีกระบวนการยุติธรรม มีขั้นมีตอน มีตำรวจ มีอัยการ มีศาล การที่บุคคลละคนจะเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมารับผิดชอบ ท่านประธานเป็นนายกฯ หรือผมเป็นนายกฯ ผมก็คิดไม่ออกว่าผมจะทำอย่างไร การแสดงความเสียใจกับการขอโทษมันก็เป็นเรื่องสง่างาม" นายประยุทธ์ กล่าว

"นายประยุทธ์" กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ผ่านมา 20 ปีแล้วจะมาเป็นญัตติด่วนอะไร  อย่างเรื่อง 6 ตุลา 19 ตนโดนขังลืม ตนเอาเรื่องนี้เข้าเป็นญัตติด่วนได้หรือไม่ ผมไม่ขัดข้อง หากวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านตกลงกันได้ ตนก็พร้อมถอน พร้อมขอให้วิป 2 ฝ่าย ไปคุยกันให้เรียบร้อยว่าจะอภิปรายกี่คน

จากนั้น "นายภราดร ปริศนานันทกุล" รองประธานสภาคนที่สอง กล่าวว่า เท่าที่เจรจากับพรรคการเมืองส่วนมากเห็นไปทางเดียวกัน ทุกคนเป็นห่วงเป็นใหญ่ และเข้าใจดีถึงสถานการณ์ก็ เลยมีการพูดคุยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่รับญัตตินี้ แต่จำกัดคน ก่อนที่ทุกฝ่ายจะตกลงกันได้

"นายประยุทธ์" จึงลุกกล่าวว่า ถือเป็นการลบรอยเลื่อนและคราบน้ำตา ขออย่าเติมเชื้อไฟเข้ามาในกองไฟ ตนขอร้อง ตนขอถอน ก่อนที่จะเปิดให้ สส. อภิปรายต่อไป