นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 79 ได้เป็นประธานการประชุมร่วมกับจอร์เจีย และญี่ปุ่น และสมาชิกอื่น ๆ ของกลุ่ม พร้อมกล่าวเปิดการประชุมระดับรัฐมนตรี ประจำปีครั้งที่ 5 ของกลุ่มมิตรด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและสุขภาพทั่วโลก หรือ UHC ความว่า จากผลสืบเนืองการประชุมระดับสูง UHC เมื่อปีที่แล้ว สิ่งสำคัญคือ การรักษาพลวัตรและผลักดันการสนทนา และการดำเนินการต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย UHC ภายในปี 2030 ซึ่งเน้นไปที่การคุ้มครองทางการเงิน ที่เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และความสัมพันธ์ระหว่าง UHC กับการแก้ไขปัญหาสำคัญอย่างการดื้อยา (AMR) ซึ่งประเทศไทย เชื่อมั่นในความเท่าเทียมด้านสุขภาพ หลังจากที่ดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ UCS มาเป็นเวลา 22 ปี จนตอนนี้คนไทยมากกว่า 99% มีประกันสุขภาพแล้ว และยังขยายความคุ้มครองไปยังแรงงานข้ามชาติ และผู้ที่มีปัญหาเรื่องสัญชาติผ่านโครงการอื่น ๆ
นายมาริษ ยังนำเสนอว่า ล่าสุดไทยได้นำโครงการ “30 บาท รักษาได้ทุกที่” มาใช้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมาย เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายทางอ้อม สำหรับการดูแลสุขภาพ ผ่านความคิดริเริ่มนี้ ซึ่งผู้รับประโยชน์จาก UCS จะสามารถเข้าถึงการรักษาที่สถานพยาบาลนอกเหนือจากผู้ให้บริการที่ตนกำหนดได้อย่างง่าย รวมถึงคนไทย ยังสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพผ่านเครือข่ายร้านขายยา คลินิกพยาบาล และคลินิกเทคนิคการแพทย์ ที่เรียกว่า “หน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่” ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ลดเวลาที่ต้องรอคอย และค่าเดินทางสำหรับผู้ที่ต้องพึ่งพาระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า
นายมาริษ ระบุว่า ประเทศไทย ดำรงตำแหน่งประธาน Foreign Policy and Global Health Initiative (FPGH) อีกครั้งในปีนี้ หลังดำรงตำแหน่งครั้งแรกในปี 2560 และได้เสนอญัตติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ซึ่งนำไปสู่การประชุมระดับสูงครั้งแรกเกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2562 แต่ในครั้งนี้ ไทยเสนอญัตติเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการประกันสุขภาพถ้วนหน้าด้วย ซึ่งการส่งเสริมสุขภาพ เป็นแนวทางเชิงรุกที่ช่วยให้บุคคล สามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของบุคคลเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระของระบบ สาธารณสุขโดยรวมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายมาริษ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมเวทีดังกล่าวว่า ประเทศไทยมีบทบาทอย่างมากในเรื่องนี้ เนื่องจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค การประชุมในดังกล่าว ตนได้เน้นย้ำศักยภาพของไทย ที่เป็นผู้นำในเรื่องดังกล่าว และขณะนี้ภายใต้รัฐบาลนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐบาลกำลังมุ่งเน้นไปที่โครงการ 30 บาทรักษาได้ทุกที่ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีจากประเทศสมาชิก กลุ่มมิตรของไทย และกลุ่มมิตรใน UHC ซึ่งโครงการทั้งหลายที่ประเทศไทย นำมาเสนอได้รับการยอมรับ และมีคำชื่นชมอย่างมาก ก่อนที่ตนจะขึ้นกล่าวเปิดงาน ผู้แทนขององค์การอนามัยโลก ได้มาขอบคุณประเทศไทยที่ให้ความช่วยเหลือ และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา UHC อย่างมาก รัฐมนตรีของญี่ปุ่นที่เป็นประธานร่วมในการประชุมดังกล่าว ก็แสดงความชื่นชมบทบาทของไทยในเรื่องนี้ และบอกด้วยว่า UHC ที่ไทยได้ริเริ่มขึ้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลญี่ปุ่น สามารถเรียนรู้จากไทยได้ว่า ทำอย่างไรจึงสามารถทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกัน
“ทั้งหมดนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ความมั่นคงของมนุษย์ ไทยพร้อมมีบทบาทนำในการแลกเปลี่ยนความเห็น และให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เรามี หลังจากที่ได้ทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคมา 22 ปี สามารถพูดได้ว่าทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้มากกว่า 90% ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและน่าภาคภูมิใจของคนไทย ที่ทำให้ต่างชาติเห็นความสำคัญใน UHC” นายมาริษ กล่าว