svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

วางกฎเหล็ก "นายกฯมือใหม่"กุมความลับประชุมครม. ฝ่าฝืน"ผิดจริยธรรมร้ายแรง"

สลค.ติวเข้ม"นายกฯ"มือใหม่ แพทองธาร ชินวัตร วาง กฎเหล็กระหว่างประชุมครม. ต้องรักษา"ความลับทางราชการ" ชี้ฝ่าฝืนส่อ "ผิดจริยธรรมร้ายแรง"

16 กันยายน 2567   ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า  "น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี จะเริ่มเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนัดแรกในวันอังคารที่ 17 กันยายนนี้   

แต่อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุม ครม.นัดพิเศษ โดยมี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งเป็นการประชุม ก่อนแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น

ภาพบรรยากาศการประชุมครม.นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567

ปรากฎว่า ในการประชุมครม.ครานั้น "สำนักเลขาธิการครม." โดย "นางณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์" เลขาธิการ ครม. ได้รายงานแนวทางการประชุมคณะรัฐมนตรีและการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ให้นายกฯคนใหม่ รวมรมต.หน้าใหม่ได้รับทราบแนวทาง 

กำหนดวิธีการประชุมครม. จัดให้มีการประชุมครม.อย่างเป็นทางการกรณีปกติในทุกวันอังคารตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้การประชุม ครม.กรณีปกติอาจเปลี่ยนแปลงวัน  เวลา และสถานที่ไว้ตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนด 

สำหรับองค์ประชุมครม. มีหัวข้อที่น่าสนใจ  ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในกรณีปกติให้ดำเนินการเมื่อมีรัฐมตรีเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนคณะรัฐมนตรีทั้งหมดที่มีอยู่โดยจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมให้รวมถึงผู้เข้าร่วมประชุมโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งสามารถปรึกษาหารือกันได้แม้จะมิได้อยู่ในสถานที่เดียวกัน

การประชุมครม.นัดพิเศษ เมื่อวันที่  7 กันยายน ที่ผ่านมา


"ในกรณีจำเป็นเพื่อเป็นการรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศ หรือมีกรณีฉุกเฉินหรือเพื่อประโยชน์ในการรักษาความลับ นายกรัฐมนตรีอาจพิจารณาเรื่องใดกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรเพื่อมีมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นได้ และเมื่อมีการประชุมเป็นกรณีปกติให้นายกรัฐมนตรีแจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบมติของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย"   สลค. ระบุ 

สลค.ออกหนังสือเวียน แจ้งแนวทางการประชุมครม.และการรักษาความลับทางราชการ

 

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมครม.  ยังได้ เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับ การประชุมคณะรัฐมนตรี และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ  โดยให้รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ดังนี้


1.ให้รักษาความลับหรือเอกสารของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมครม.ตามประเภทชั้นความลับที่ได้กำหนดไว้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติพ.ศ. 2552  

แบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ ลับที่สุด ลับมาก และลับ ซึ่งหากความลับดังกล่าวทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนรั่วไหลไปถึงบุคคลผู้ไม่มีหน้าที่ได้ทราบจะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งรัฐ

การประชุมครม.นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา

ดังนั้น กรณีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือรองเลชาธิการคณะรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ตามเงื่อนไขที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนดตามนัยมาตรา 20 ( 1 )  แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540

2.การพิจารณาหารือหรืออภิปรายของคณะรัฐมตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีให้ถือเป็นความลับของทางราชการ ดังนั้น รัฐมนตรีทุกท่าน ผู้เข้าร่วมการประชุม และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี พึงระมัดระวังและไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี


3.ในการจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี หากหน่วยงานเจ้าของเรื่องเห็นว่าเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ มีความอ่อนไหวและมีผลกระทบสูงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ความมั่นคง ประโยชน์สาธารณะ หรือประโยชน์ของประเทศชาติ หากถูกนำไปเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของชาติอย่างร้ายแรงให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องระบุไว้ในหนังสือนำส่งเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงอย่างไร

หรือหากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว เห็นว่า เป็นเรื่องที่เข้าลักษณะดังกล่าว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยจะแจกเอกสารระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในระบบ M-VARA และหลังจากพิจารณาแล้วเสร็จ จะถอนเรื่องดังกล่าวออกจากระบบ M-VARA ทันที


4. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐระมัดระวังมิให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับเอกสารการประชุมคณะรัฐนตรีเปิดเผยเอกสารดังกล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี


5. กรณีมีผู้นำเอกสารหรือข้อความซึ่งเป็นความลับของทางราชการไปเผยแพร่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ หรือเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่ได้รับความเสียหายพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด (เช่น  กรณีข้าราชการพลเรือนฝ่าฝืนข้อปฏิบัติและถือเป็นผู้กระทำผิดวินัยหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ) 

"อนึ่ง ตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564  ได้วางหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมในเรื่องการรักษาความลับของทางราชการไว้เช่นเดียวกัน กล่าวคือ ตามข้อ 7 ( 3 ) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ โดยอย่างน้อยต้องไม่นำข้อมูลข่าวสารอันเป็นความลับของทางราชการซึ่งตนได้มาในระหว่างอยู่ในตำแหน่งไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เอกชนทั้งในระหว่างการดำรงตำแหน่งและเมื่อพ้นจากตำแหน่งและข้อ  8 ( 5 ) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องรักษาความลับของราชการ เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย"

สลค.ออกหนังสือเวียนแจ้ง ครม.แพทองธาร ถึงแนวทางการจัดประชุมครม.และการรักษาความลับทางราชการ
6. เรื่องที่มีผลกระทบต่อประชาชนหรือประเทศชาติโดยส่วนร่วม  เมื่อคณะรัฐมนตรี มีมติแล้วให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่รับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักชี้แจงต่อสาธารณชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเพิ่มเติมให้เป็นใปในทิศทางเดียวกัน กรณีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมตรีมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติตามมติของคณะกรรมการต่าง ๆ แล้ว ให้ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการชี้แจงในทำนองเดียวกันด้วย

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ซึ่งทำหน้าที่ เป็นรองนายกฯเบอร์1 ด้วย
7. ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่และอำนาจในการให้ข่าวสารเกี่ยวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี  มติคณะรัฐมนตรี การดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือกระทรวง กรม ตลอดจนชี้แจงเมื่อปรากฏว่ามีการเสนอข่าวคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง หรือไม่ถูกต้อง ครบถ้วน อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคลากรหรือรัฐบาล หรือการปฏิบัติผิดพลาดได้ ทั้งนี้ อาจขอให้โฆษกกระทรวงเป็นผู้แถลงข่าวหรือออกคำชี้แจงเอง หรือร่วมกันแถลงข่าว หรือชี้แจงด้วยก็ได้