7 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลใน เวลา 08.25 น. หลังจากนั้น นายกฯ เดินลงมาที่ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อตรวจความพร้อมในการถ่ายรูปหมู่ของคณะรัฐมนตรี พร้อมเร่งรัดให้มีการถ่ายรูปเร็วขึ้น เพราะเกรงว่าฝนจะตก โดยระบุว่าหากรัฐมนตรีมาพร้อมแล้วขอให้มาถ่ายรูปเลยไม่ต้องรอเวลา
สำหรับการแบ่งงานของรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ นายกฯ กล่าวว่า ต้องให้เกียรติรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างๆ ว่าจะแบ่งการกันอย่างไร ส่วนตำแหน่งของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้มีการแบ่งงานเรียบร้อยแล้ว 95% ซึ่งบางกระทรวงอาจจะต้องมีการพูดคุยกับรัฐมนตรีคนเก่า ถ้ายังมีงานค้าง เพราะการดูแลประชาชนก็ต้องให้ช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่าการแบ่งงานในส่วนของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้บอกไปแล้วถ้ายังมีบางเรื่องที่ยังทับซ้อนกันอยู่บ้าง ก็ต้องมาพูดคุยกัน ส่วนจำเป็นต้องพูดคุยกับรัฐมนตรีคนเก่าหรือไม่ หากท่านสะดวก หรือจะพูดคุยกับปลัดกระทรวงก็ได้ ไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานในการทำงาน บางครั้งก็มีโครงการค้างอยู่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรก็ต้องทำต่อไป
เมื่อถามว่า นายกฯ โฟกัสนโยบายเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เราทำทุกเรื่องตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญมาก ซึ่งการแบ่งงานจะดูความเหมาะสมและความสามารถของแต่ละบุคคลด้วย
ส่วนปรับ ครม. แล้วจะทำให้การทำงานขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า นั่นคือจุดมุ่งหมายหลัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเก่าจะขับเคลื่อนไม่ได้ ตนเคยบอกแล้วว่าในช่วงเวลาที่มันเปลี่ยน 8-9 เดือนที่ผ่านมา มันก็มีความต้องการในภาคส่วนที่ต่างออกไป เมื่อต้องมีการเสริมงานกับฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไป
ส่วนการปรับ ครม. ครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าความเชื่อมั่นมากับผลงาน การพูดจามันก็เป็นส่วนหนึ่ง เหมือนกับการให้ความคาดหวัง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงาน อยากจะขอความยุติธรรมด้วย ว่าหลายๆนโยบายต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน รวมไปถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพ เชื่อว่าเรื่องเหล่านี้น่าจะได้เริ่มต้น
ส่วนกรณีที่ รมว.คลัง เตรียมหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกความเคลื่อนไหวมันทำให้ลดความขัดแย้ง เป็นเรื่องที่เหมาะสม และเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ
เมื่อถามว่า เชื่อมั่น นายพิชัย ชุณหวชิร หรือไม่ ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหา ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ตนมั่นใจ เพราะอย่างน้อยสองฝ่ายมีความพยายาม ก็เป็นเรื่องที่ดี
ส่วนที่มีการสำรวจความเห็นของประชาชน 7 เดือน ที่ทำงานมา ได้ 6-7 คะแนน ปรับ ครม. แล้วจะได้คะแนนเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การให้คะแนนเป็นเสียงสะท้อนอย่างหนึ่ง การมาอยู่ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่ต้องรับฟังเสียงสะท้อน ไม่ว่าจะได้คะแนนเท่าใด มันก็ไม่เต็มสิบ ดังนั้นเราก็มีความพยายามทำงานต่อไป จะต้องมานั่งดูว่าส่วนใดที่ทำได้ไม่ดี แต่หากสิ่งไหนที่พยายามแล้ว แต่ยังติดขัด ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคณะทำงานด้วย
นายกฯ ยังระบุด้วยว่า การทำงานกับข้าราชการไม่มีปัญหา และคิดว่าข้าราชการเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ โดยจะต้องมีการพูดคุยกันและเน้นเนื้องานเป็นหลัก แต่ปัญหาวันนี้มันอยู่ที่ว่า ปัญหาใหญ่เหลือเกิน อันนี้คือปัญหามากกว่า เพราะหากปัญหาใหญ่มากๆ ก็ต้องใช้ทุกภาคส่วน
ทั้งนีเจะต้องมีการกำหนด KPI รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ ว่าผลงานต้องเห็นชัดภายในกี่เดือน นายกฯ กล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยกัน บางเรื่องต้องให้เสร็จเมื่อไหร่ บางเรื่องเราก็อาจจะพูดถึงสิ่งที่เราอยากเห็น เงื่อนไขของเวลา บางครั้งก็มีตัวแปรอื่น ที่มันไม่สามารถควบคุมได้ แต่ KPI พวกนี้เราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด
เมื่อถามต่อว่าจะมีการกำหนด KPI ในระยะเวลา 6-7 เดือนเหมือนเดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว บางเรื่องหากต้องจบภายใน 2 สัปดาห์ก็ต้องจบ บางเรื่องต้องใช้เวลา 2-3 ปีก็มี เพราะหลายเรื่องมันต้องใช้เวลา เช่นเรื่องการลงทุนต้องประสานงานกับทุกฝ่าย แต่ตนมั่นใจว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทุกคนจะให้ความสำคัญกับปัญหาของประชาชนหลังเป็นหลัก
ทั้งนี้ภายหลังจากที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์เสร็จ ได้มีฝนตกลงมาจนทำให้การถ่ายรูปหมู่ของคณะรัฐมนตรีต้องย้ายมาถ่ายที่ห้องโถง ตึกสันติไมตรี แทน