25 ตุลาคม 2566 "นายชาดา ไทยเศรษฐ์" รมช.มหาดไทย กล่าวยืนยันกรณีที่ "นายวีระชาติ รัศมี" นายกเทศมนตรีต.ตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นลูกเขยของตนเอง ถูกตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. จับกุมหลังพบการร้องเรียนเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล จำนวน 2 โครงการ โดยตนได้สั่งให้นายวีระชาติ ที่เป็นลูกเขยลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรีแล้ว เมื่อเวลา 23.00 น. ของคืนวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อเปิดทางให้จังหวัดจัดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศการบริหารท้องถิ่น เพราะหากให้รองนายกเทศมนตรีมารักษาการแทน ท้องถิ่นก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ได้จนครบวาระ หรือเมื่อคดีเสร็จสิ้น จึงเป็นการถ่วงความเจริญการพัฒนาท้องถิ่น ดังนั้น จึงต้องรักษามาตรฐานทางการเมืองท้องถิ่น และให้ประชาชนไปเลือกตั้งใหม่ ซึ่งไม่ว่าใครจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ให้เป็นไปตามระบบ
"ในฐานะที่ผมเป็นคนใกล้ชิดกับนายวีระชาติ ก็ยิ่งจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่าผู้อื่น เพราะไม่ว่าจะจับบุคคลใกล้ชิด หรือไม่จับ ก็ย่อมต้องถูกสังคมด่า แต่ยืนยันว่าในครอบครัวไม่มีปัญหาใด ๆ ซึ่งผมในฐานะพ่อ ก็ต้องโอบกอดลูก ๆ ทุกคนด้วยความรัก และความอบอุ่น และเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าทางเดินหน้าข้างจะเป็นอย่างไร แต่ครอบครัวของผมยังรักกัน รวมถึงผมก็ยังทำหน้าที่ รมช.มหาดไทยเสร็จสิ้นแล้ว" นายชาดา ระบุ
นายชาดา ยังขอให้กลุ่มด้อมแฟนคลับ หรือ IO พรรคการเมืองต่าง ๆ อย่านำรูปลูกหลานของตนเองไปประจานในสังคมออนไลน์ เพราะหากยังมีการไล่ล่าในโลกออนไลน์ ตนเองหาตัวอวตารเบื้องหลังไม่เจอ ก็ตามหาบุคคลเบื้องหน้า นามสกุลอะไรบ้าง ลูกหลานมีใครบ้าง ก็จะเกิดเป็นสงครามโซเชียล เพราะทุกวันนี้ (25ต.ค.) คนไทยต้องรักกัน สามัคคีกัน ไม่ทำอะไรที่ไม่สร้างสรรค์ แต่ทุกคนก็ยังสามารถด่าตนเองได้ตามมุมมอง และสักวันหนึ่งคนเหล่านั้น ก็จะรู้สึกเสียใจที่ด่าตนเอง
ส่วนการให้อิสระเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับลูกเขยอย่างไรนั้น นายชาดา ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ก่อนที่จะยุติการให้สัมภาษณ์ เพื่อเดินทางกลับ ซึ่งระหว่างการเดินทางกลับนั้น นายชาดา ได้พบกับลูกสาวตนเองที่มาช่วยงาน จึงได้หอมแก้ม 3 ครั้ง