svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"ฟุตบอลยูโร" ศึกชิงความเป็นหนึ่งของวงการลูกหนังยุโรป

ทำความรู้จักกับความเป็นมาของ "ฟุตบอลยูโร" หนึ่งในทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลเฝ้าติดตามมากที่สุดของโลก ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในกลางเดือนนี้

หลังจากที่ฟุตบอลลีกยุโรปจบการแข่งประจำฤดูกาล 2023/24 เป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่จะเข้าสู่การแข่งขันของทีมชาติ ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือที่เรียกกันว่า "ฟุตบอลยูโร" ซึ่งถือเป็นทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียง ฟุตบอลโลก เท่านั้น

ฟุตบอลยูโร เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นทุก 4 ปี เริ่มแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1960 ในชื่อรายการว่า ยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ (European Nations Cup) 

โดยการแข่งขัน 5 ครั้งแรก มีทีมชาติเข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายเพียง 4 ประเทศ กระทั่งการแข่งขันครั้งที่ 3 (ปี 1968) ได้มีเปลี่ยนชื่อเป็น ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน ฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปดังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ต่อมาในครั้งที่ 6 (ปี 1980) ก็ปรับรูปแบบในรอบสุดท้ายเพิ่มเป็น 8 ทีม และก็เพิ่มอีกครั้งเป็น 16 ทีมในครั้งที่ 10 (ปี 1996) ก่อนเพิ่มอีกรอบเป็น 24 ทีม ตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน

\"ฟุตบอลยูโร\" ศึกชิงความเป็นหนึ่งของวงการลูกหนังยุโรป

เกร็ดที่น่าสนใจของศึกฟุตบอลยูโรแต่ละครั้ง
ปี 1960: จัดการแข่งขันเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศส จากแนวคิดของ อ็องรี เดอโลแน เลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสขณะนั้น แต่กว่าที่การแข่งขันจะเริ่มจัดขึ้น เดอโลแน ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงมีการนำชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อถ้วยรางวัล ที่เรียกว่า อ็องรี เดอโลแน โทรฟี่

ปี 1964: มีชาติจากทั่วยุโรปรวม 29 ทีมตอบรับเข้าร่วมแข่งขัน ก่อนคัดเหลือ 4 ทีมไปแข่งรอบสุดท้ายที่สเปน แต่ครั้งนี้ยังไม่มี เยอรมันตะวันตก และ กรีซ เข้าร่วมสังฆกรรมจากความขัดแย้งทางการเมือง

ปี 1968: เกมรอบรองชนะเลิศระหว่างอิตาลีกับสหภาพโซเวียต ต้องตัดสินด้วยการโยนเหรียญหัวก้อย (เป็นกติกาในสมัยนั้น) หลังจากที่จบ 90 นาทีด้วยผลเสมอ 0-0 ซึ่งจากแมตช์ดังกล่าวทำให้ผู้เกี่ยวข้องเริ่มหาวิธีการใหม่ๆมาตัดสินชัยชนะเพื่อความยุติธรรม ก่อนจะได้บทสรุปที่การดวลจุดโทษตัดสิน และประกาศใช้เป็นทางการในอีก 2 ปีต่อมา

ปี 1972: เยอรมันตะวันตก คว้าแชมป์ไปครองหลังถล่มสหภาพโซเวียต 3-0 กลายเป็นการแจ้งเกิดของดาวยิงที่มีชื่อว่า แกร์ด มุลเลอร์ และขุนพลอินทรีเหล็กชุดนั้นก็สามารถต่อยอดไปสู่การคว้าแชมป์โลกได้ในอีก 2 ปีถัดมา

ปี 1976: เป็นครั้งแรกที่การตัดสินแชมป์ต้องใช้วิธีดวลจุดโทษ โดยเป็น เช็กโกสโลวะเกีย ที่ชนะ เยอรมันตะวันตกไป 5-3 หลังในเวลาเสมอ 2-2 และเกมนี้ อันโตนิโอ ปาเนนก้า ก็จัดการยิงจุดโทษด้วยวิธีชิพบอลเข้ากลางประตู จนถูกตั้งชื่อว่า "ลูกยิงปาเนนก้า" นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

อันโตนิโอ ปาเนนก้า และลูกยิงปาเนนก้าในตำนาน

ปี 1980: เป็นครั้งแรกที่รอบสุดท้ายขยายเป็น 8 ทีม

ปี 1984: ฝรั่งเศส ชาติที่เป็นผู้ก่อตั้งรายการนี้ คว้าแชมป์ไปครอง นับเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์รายการแรกในประวัติศาสตร์ของทีม "ตราไก่" และเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ทำให้โลกได้รู้จักกับนักเตะระดับตำนานอย่าง มิเชล พลาตินี่ ที่ระเบิดฟอร์มยิงไป 9 ประตูจาก 5 เกม

ปี 1988: เป็นทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิดของ "3 ทหารเสือ" ในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่ประกอบด้วย, รุด กุลลิท, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ มาร์โก ฟาน บาสเท่น ที่ระเบิดฟอร์มช่วยให้ทีม "อัศวินสีส้ม" คว้าแชมป์ไปครอง เป็นแชมป์เมเจอร์รายการแรกและรายการเดียวของพวกเขานับจนถึงปัจจุบัน โดยลูกยิงใบไม้ร่วงของ ฟาน บาสเท่น ในนัดชิงชนะเลิศ ได้รับการยกย่องว่าเป็นประตูที่ดีที่สุดตลอดกาลของศึกฟุตบอลยูโร และถูกนำมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงปัจจุบัน

ปี 1992: เดนมาร์ก ทีมที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือก แต่ได้สิทธิ์แข่งก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้นแค่สัปดาห์เดียวเนื่องจาก ยูโกสลาเวีย ถูกตัดสิทธิ์จากปัญหาสงครามกลางเมือง สร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์ไปครองแบบช็อกวงการหลังเอาชนะ เยอรมนี 2-0

ปี 1996: เป็นครั้งแรกที่รอบสุดท้ายขยายเป็น 16 ทีม และเป็นครั้งแรก (และครั้งเดียว) ที่มีการใช้กฏ "โกลเด้น โกล" ในรายการระดับเมเจอร์ ซึ่งสุดท้ายเป็น เยอรมนี ที่ได้แชมป์จากประตูชัยโกลเด้นโกลของ โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ

ปี 2000: เป็นครั้งแรกที่รอบสุดท้ายมีเจ้าภาพร่วม 2 ชาติ คือ เนเธอร์แลนด์ และ เบลเยียม โดยเป็น ฝรั่งเศส ที่ได้แชมป์หลังเอาชนะ อิตาลี 2-1 กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์โลกและแชมป์ยูโรติดต่อกัน

\"ฟุตบอลยูโร\" ศึกชิงความเป็นหนึ่งของวงการลูกหนังยุโรป ปี 2004: ม้ามืดอย่าง กรีซ ที่เป็นเต็ง 16 จากทั้งหมด 16 ทีม สร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์ไปครองแบบสุดช็อก

ปี 2008-2012: มีเจ้าภาพร่วมกันอีกครั้งคือออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นจุดเริ่มต้นยุคสมัยแห่งความยิ่งใหญ่ของวงการลูกหนังสเปน ที่เริ่มจากการคว้าแชมป์ครั้งนี้ ต่อด้วยแชมป์โลก 2010 และป้องกันแชมป์ยูโรได้อีกสมัยในปี 2012

ปี 2016: เป็นครั้งแรกที่รอบสุดท้ายขยายเป็น 24 ทีม และเป็น โปรตุเกส ที่นำโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่คว้าแชมป์ไปครอง นับเป็นแชมป์แรกและแชมป์เดียวในนามทีมชาติของ CR7 

ปี 2020: ครั้งนี้ ยูฟ่า ฉลองครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งทัวร์นาเมนต์นี้ด้วยการกระจายการแข่งรอบแรกๆไปทั่วยุโรป มี 11 ชาติร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ก่อนจะมาแข่งที่อังกฤษตั้งแต่รอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ระบาดทำให้ต้องเลื่อนมาแข่งกันในปี 2021 โดยเป็น อิตาลี ทีมที่ไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 ที่ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ (ก่อนจะไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2022 อีกรอบ)

\"ฟุตบอลยูโร\" ศึกชิงความเป็นหนึ่งของวงการลูกหนังยุโรป

สถิติที่น่าสนใจ

  • แชมป์สูงสุด: 3 ครั้ง เยอรมนี (1972, 1980, 1996), สเปน (1964, 2008, 2012)
  • ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมากที่สุด: เยอรมนี (13 ครั้ง)
  • นักเตะที่ลงเล่นในยูโรมากที่สุด: คริสเตียโน่ โรนัลโด้-โปรตุเกส ( 5 ครั้ง รวม 25 นัด ระหว่างปี 2004-2020)
  • ดาวยิงสูงสุดตลอดกาล: คริสเตียโน่ โรนัลโด้-โปรตุเกส (14 ประตู)
  • ดาวยิงสูงสุดต่อทัวร์นาเมนต์: มิเชล พลาตินี่-ฝรั่งเศส (9 ประตูเมื่อปี 1984)
  • นักเตะอายุมากที่สุด: กาบอร์ คิราลี่-ฮังการี (40 ปี 86 วัน ในศึกยูโร 2016)
  • นักเตะอายุน้อยที่สุด: คาสเปอร์ คอซลอฟสกี้-โปแลนด์ (17 ปี 246 วัน ในศึกยูโร 2020)