เมื่อช่างเช้าที่ผ่านมา 08.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แผ่นดินไหว ศาลาว่ากทม.1 เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมด้วยตัวแทนจากสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงความเคลื่อนไหวภายหลังจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า หน้าที่หลักของวิศวกรคือการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพราะอาคารที่สร้างเสร็จ 100% นั้นไม่มีการพังทลายออกมา มีเพียงรอยแตกร้าว นี่คือสิ่งที่ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน ซึ่งวันนี้ก็ฝากให้สภาวิศวกรฯช่วยไปตรวจสอบ และให้สภาวะกลับคืนสู่ปกติ ส่วนอาคารใดที่เสียหายรุนแรงก็ต้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบและซ่อมแซม
ด้านอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า ได้มีการจัดตั้งศูนย์เพื่อที่จะรับแจ้งในการตรวจสอบอาคาร มีสภาวิศวกร สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาที่จะร่วมกันดำเนินการตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ แถลงการณ์กรมโยธาธิการและผังเมือง เรื่อง การตรวจสอบความมั่นคงของอาคารหลังเหตุแผ่นดินไหว ระบุว่า
จากสถานการณ์แผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้มีข้อสั่งการเร่งด่วนให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวดังกล่าว
กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้จัดตั้งศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ณ กรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระรามที่ 6 โดยประสานงานกับสภาวิศวกรสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาภาภาคเอกชน กรุงเทพมหานคร ในการเตรียมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเร่งดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัยของอาคาร โดยจะเน้น อาคารสาธารณะ อาคารชุมนุมคน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล เป็นลำดับแรกและหากประเมินแล้วอาคารมีความเสี่ยงไม่ปลอดภัยในการใช้อาคาร จะเสนอให้มีการระงับการใช้อาคาร และให้ดำเนินการมีการมีการปรับปรุงให้อาคารมีความมั่นคงแข็งแข็งแรงก่อนเปิดใช้อาคารต่อไป
โดยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 กรมฯ ได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบอาคารที่ได้รับการร้องขอแล้ว จำนวน 3 หน่วยงาน 9 อาคาร ได้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี 3 อาคาร โรงพยาบาลพระมงกฎเกล้า 2 อาคารและโรงพยาบาลเลิดสิน 4 อาคาร
ในวันที่ 29 มีนาคม 2568 จะมีการประชุมหารือวางแผนกำหนดแนวทางการตรวจสอบอาคารร่วมกัน โดยจะเข้าดำเนินการตรวจสอบอาคารเพิ่มเติมอีกจำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่
พร้อมทั้งจะดำเนินการตรวจสอบอาคารที่ได้รับแจ้งเพิ่มเติมต่อไป
กรมโยธาธิการและผังเมืองยังแนะนำให้เจ้าของอาคารสูง โรงแรม คอนโดมิเนียม และห้างสรรพสินค้า ที่เป็นของภาคเอกชน ติดต่อผู้ตรวจสอบอาคารประจำอาคาร หรือผู้ตรวจสอบอาคารที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งมีอยู่กว่า 2,600 ราย เพื่อประเมินความปลอดภัยของการเข้าใช้อาคารตามคู่มือสำรวจความเสียหายขั้นต้นของโครงสร้างอาคารหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวของกรมโยธาธิการและผังเมือง
หากเจ้าของอาคาร ผู้ใช้อาคารหรือผู้ตรวจสอบอาคารต้องการปรึกษาหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติม สามามารถติดต่อมาที่ศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ได้ตามช่องทางที่กำหนด ขณะเดียวกันในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ได้มอบหมายให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว โดยให้รวบรวมวิศวกรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและวิศวกรอาสาในพื้นที่เข้าร่วมดำเนินการตรวจสอบอาคารเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองได้เผยแพร่คู่มือสำรวจความเสียหายขั้นต้นของโครงสร้างอาคารหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวของกรมโยธาธิการและผังเมือง หลังแผ่นดินไหว เพื่อให้เจ้าของอาคารผู้ตรวจสอบอาคาร และประชาชนทั่วไปรับทราบผ่านทุกช่องทาง พร้อมทั้งเปิดสายด่วนสำหรับขอรับคำปรึกษา และแจ้งเหตุที่หมายเลข 02-299-4191 และ 02-299-4312 ตลอด 24 ชั่วโมง จึงขอให้ประชาชนและเจ้าของอาคารที่พบความเสียหาย ดำเนินการให้มีการประเมินตรวจสอบอาคาร เพื่อให้มีความปลอดภัยในการเข้าใช้อาคารต่อไป
โดยในส่วนของอาคารบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่กรงเทพมหานคร กรมจะร่วมกับ กรุงเทพมหานคร ดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์ ประเมิน ตามข้อมูลที่ได้รับผ่านแอพพลิเคชั่น Traffy Fondue(ทรัฟฟี่ฟองดู) ของกรุงเทพมหานครต่อไป