สำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) ออกคำเตือนระดับสีแดงสำหรับตัวเลขคาดการณ์ผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดในภาคกลางของเมียนมาเมื่อวันศุกร์ (28 มีนาคม) บ่งชี้ว่า จะมีตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บสูงมาก และความเสียหายในวงกว้าง โดยระบบประเมินความเสียหายอัตโนมัติ USGS คาดว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจสูงเกินกว่า 10,000 คน
จากข้อมูลของ USGS บ่งชี้ว่า แผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางในภูมิภาคสะกายใกล้เมือง มัณฑะเลย์ครั้งนี้เป็นครั้งรุนแรงที่สุดนับจากแผ่นดินไหวในเมืองตองจี ของเมียนมาในปี 2455
ขณะที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา แถลงเมื่อวานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 144 คน และผู้บาดเจ็บ 732 คน แต่คาดว่าตัวเลขจะสูงขึ้นอีก และประกาศขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินใน 6 ภูมิภาคและรัฐ ได้แก่ ภูมิภาคสะกาย, มัณฑะเลย์, พะโค และมะกเว และรัฐฉาน รวมไปถึงกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวง
มาร์กาเร็ต แฮร์ริส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความเสียหายมหาศาล และโมฮาเหม็ด ริยาส ผู้อำนวยการเมียนาของคณะกรรมการกู้ภัยนานาชาติ คาดว่า อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะทราบความเสียหายทั้งหมด
เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งในมัณฑะเลย์ เผยกับบีบีซีว่า อาคารส่วนใหญ่ในเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเมียนมาพังถล่ม และสถานการณ์สะเทือนขวัญมาก ผู้คนวิ่งหนีไปตามท้องถนน ทั้งกรีดร้องและร้องไห้ และพวกเขาพยายามช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง โรงพยาบาลมัณฑะเลย์ เจเนรัล มีผู้ป่วยจนเกือบเต็มโรงพยาบาล หลายคนมีอาการหัวใจวาย และตัวโรงพยาบาลก็ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว
ส่วนสถานการณ์ในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวง หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีผู้บาดเจ็บหลายร้อยคนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่ของเมืองจนล้นมือ ทำให้ต้องรักษาผู้ป่วยที่ด้านนอกอาคาร และทางเข้าแผนกฉุกเฉินพังถล่มทับรถยนต์คันหนี่งด้วย แพทย์คนหนึ่ง บอกด้วยว่า ไม่เคยเผชิญสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และกำลังพยายามรับมือ แต่ยอมรับว่ากำลังเหนื่อยล้ามากแล้ว
นอกจากนี้โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า มีความต้องการเลือดสูงมากในโรงพยาบาลหลายแห่งในพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะในมัณฑะเลย์, สะกาย และเนปิดอว์
ด้านกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนกำลังเตรียมทีมเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย แต่สถานการณ์มีความซับซ้อนมากทำให้การเดินทางและการสื่อสารประสบความยากลำบาก โดยระบบการสื่อสารถูกตัดขาดในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักบางส่วน และเมียนมายังคงเผชิญสงครามกลางเมือง ถนนหลายสายได้รับความเสียหาย รวมถึงทางหลวงที่มุ่งหน้าสู่เมืองมัณฑะเลย์ ศูนย์กลางของแผ่นดินไหว และสนามบินบางแห่งถูกปิด
ขณะที่ทีมกู้ภัยจากมณฑลยูนนานของจีน 37 คน เดินทางถึงเมียนมาในวันอาทิตย์เพื่อให้ความช่วยเหลือค้นหาผู้รอดชีวิต โดยมีทั้งอุปกรณ์กู้ภัย, ระบบเตือนภัยล่วงหน้า, โดรน และดาวเทียมพกพา และแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศจีน ระบุว่า จีนพร้อมทำอย่างดีที่สุดเพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉินแก่เมียนมา
จี มินน์ ผู้อำนวยการองค์กรบรรเทาทุกข์ เวิลด์ วิสชัน เมียนมา บอกด้วยว่า อาจใช้เวลาหลายปีในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักจากแผ่นดินไหว โดยทางหลวงจากนครย่างกุ้งไปเมืองมัณฑะเลย์ได้รับความเสียหายรุนแรง และหอควบคุมการบินในกรุงเนปิดอว์พังถล่ม