ภายหลังการระบาดของโควิด-19 ซึ่งการระบาดคร่าชีวิตคนทั่วโลกไปกว่า 6.9 ล้านคน รวมทั้งประเทศไทยที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เกินกว่าสถานฌาปนกิจในขณะนั้นจะรองรับไหว
วัดกุณฑีธาร (หัวกุญแจ) อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เป็นอีกหนึ่งฌาปนสถานที่รับเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ก่อนนำอัฐิไปเก็บไว้ยังโกดังหลังวัด เพื่อรอญาติมาติดต่อรับกลับไปทำบุญเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลาย
เวลาล่วงเลยมากว่า 2 ปี หลังควันแห่งการระบาดจะจางลง แต่อัฐิมากมายถึง 248 ราย ยังไร้ญาติมิตรมาติดต่อขอรับพากลับบ้าน และเริ่มทรุดโทรมไปตามกาล
สุมาลี จิตเย็น หัวหน้า 02 ทีมสะพานบุญบันไดแสง ได้รับการติดต่อจากเจ้าอาวาสวัดกุณฑีธาร ให้เป็นธุระสะพานบุญ นำอัฐิไร้ญาติเหล่านี้ไปประกอบพิธีอย่างถูกต้องตามประเพณี เนื่องด้วยถึงคราวจำเป็นต้องบูรณะโกดังเก็บอัฐิ
คุณสุมาลี ได้กล่าวว่า
แรกเริ่มเธอไม่รู้จะทำอย่างไรกับอัฐิมากมายขนาดนี้ จนได้ประสานไปยังศาลเจ้าต่างๆ และได้ศาลเจ้ากวนอูแสงบรรบตซอย3 ศาลเจ้าเฮี่ยงเที่ยงกง และศาลเจ้านาจา สัตหีบ ที่เข้ามาช่วยเหลือด้านพิธีกรรมเก็บดวงวิญาณ รวมถึงค่าใช้จ่ายและจิตอาสาที่มาร่วมในกุศลครั้งนี้ด้วย
พิธีกรรมได้เริ่มขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 9 มีนาคม 2568 โดยอันเชิญโหล่วเสี่ยเข้าสู่ปรัมพิธี ก่อนที่คณะทรงประกอบพิธีตั้งเจ้าที่ (โหงวโท้ว) พร้อมทั้งเจิมอุปกรณ์ที่ใช้เก็บอัฐิ ขณะที่พระสงฆ์จีนซึ่งนำโดยซือเฮียประกอบพิธีพุทธบูชา (ก่งฮุก) กระทั่งเริ่มพิธีเก็บอัฐิในเวลาสาย
จากนั้นบรรดาจิตอาสาที่เข้าร่วมประกอบพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญาณไร้ญาติ (ฮ่อเฮียตี๋) เริ่มทำความสะอาดและแปรอัฐิ เพื่อประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมมาติกาบังสุกุลให้แก่ดวงวิญญาณ
สุดท้าย อัฐิไร้ญาติทั้งหมดถูกรวบรวมนำขึ้นขบวนรถไปยังวัดจิตตภาวัน ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อประกอบพิธีลอยอังคารส่งดวงวิญญาณทั้ง 248 ดวง ให้ไปสู่ยังดินแดนแห่งสุขาวดี
แม้ดวงวิญญาณ ทั้ง 248 ดวงนี้จะพลัดหลงจากวงศาคณาญาติ แต่ยังคงไม่ขาดมิตรสหาย จิตอาสาเพื่อนร่วมโลก นำทางไปสู่สัมปรายภพ เมื่อถึงเวลาอันสมควร
(เรื่อง - ภาพ) : โสภน สุเสนา