"ซ้อลักษณ์" ดับเครื่องชน เอาผิด "ต้นอ้อ" ฉ้อโกงขายวุฒิปลอม

วันที่ 4 กรกฎาคม 2567  น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ หรือ "ซ้อลักษณ์"  พร้อมด้วย "ปุ๊กกี้"  อดีตสมาชิกมูลนิธิเป็นหนึ่ง และผู้เสียหายที่อ้างว่าถูก "ต้นอ้อ" หลอกเล่นแชร์ จำนวน 2 ราย เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม​ในสังคม เพื่อขอให้ช่วยในทางคดี กรณี "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" หลอกขายวุฒิการศึกษาปลอม โดยทางมูลนิธิรณรงค์ฯ ระบุว่า การร้องเรียนวันนี้ โฟกัสเรื่องการซื้อขายวุฒิการศึกษา เการซื้อขายตำเเหน่งการทำงานในรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และยังมีการฉ้อโกง จากการชักชวนเล่นแชร์ 

ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อมูลนิธิรณรงค์ฯ และสื่อมวลชน "ซ้อลักษณ์" ได้จุดธูปสาบานต่อหน้าพระนาคปรก ว่าสิ่งที่จะให้ข้อมูลต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด

จากนั้น น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ ผู้เสียหาย เเละเคยเป็นหนึ่งในกรรมการทำงานในมูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวยอมรับว่า ได้ซื้อวุฒิการศึกษาจากมาหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่งในพิษณุโลกจริง เเต่ถูกประธานมูลนิธิหว่านล้อม และเคยเเย้งไปเเล้วว่ามันผิดกฎหมาย เเต่เขาบอกไม่ต้องกลัว เพราะรู้จักผู้ใหญ่ทางรัฐสภาสามารถเคลียร์ได้  ยืนยันว่า ไม่มีการปลอมแชทไลน์ขึ้นมา ที่เห็นเป็นบทการสนสนทนาจริงตั้งเเต่เริ่มต้น  โดยเฉพาะการหว่านล้อมเรื่องตำเเหน่ง ที่บอกว่าตำเเหน่งใหญ่เลย ถูกมาก เเต่จะทำตรงนี้ได้ ต้องซื้อวุฒิการศึกษาก่อน 

พร้อมกันนี้ น.ส.วิไลลักษณ์ กล่าวยอมรับผิด ในส่วนการซื้อวุฒิการศึกษา ซึ่งผิดกฎหมาย เเละหากจะต้องถูกดำเนินคดีก็ยอม และที่ยอมมาเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะสร้างความเสียเป็นวงกว้างระดับประเทศ และขอฝากว่าอย่าไปทำเเบบนี้กับใครอีก นอกจากนี้ "ซ้อลักษณ์" ได้ถามไปยังบุคคลที่โอนเงิน ซึ่งอ้างเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย เเต่มาทราบภายหลังว่า เป็นเพื่อนกันกับประธานมูลนิธิหญิงที่เรียนมาด้วยกัน 

ขณะที่ นายชาญชัย ฉายบุ ทนายความ เปิดเผยว่า การกระทำของมูลนิธิฯ เข้าข่ายฉ้อโกง เเละร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งจะมีความผิด 3 คน คือ ประธานมูลนิธิหญิง คนที่รับโอนเงิน เเละ อาจารย์ในมหาวิทยาลัย ส่วน "ซ้อลักษณ์" ยังไม่ได้รับวุฒิการศึกษา เเละ ยังเรียนไม่จบ ยังถือว่าไม่มีความผิด โดยช่วงบ่ายวันนี้ จะไปยื่นหนังสือต่อกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

นายเเม่ปุ๊กกี้เเฉยับ "ต้นอ้อ" ชวนฮั้วประมูล

ด้านนายเเม่ปุ้กกี้ บางช่วงบางตอนที่ให้สัมภาษณ์ ถึงกับร่ำไห้บอกว่า คนที่โดนเรื่องนี้เยอะที่สุดคือตน เพราะตนเป็นคนเปิด ถามว่า ทำไมรู้มาก่อนแล้วไม่เคยเตือน ตนเตือนแล้วแต่เขาไม่ฟัง และเตือนหลายรอบแล้วทุกวันนี้เขายังทำทุกอย่าง พยายามปั่นว่า ตนมีความสนิทกับทนายธรรมมราช ซึ่งขอบอกออกสื่อเลยว่า ตนเกลียดทนายธรรมราชมาก ไม่ต้องมาโหนกระแส 

วันนี้ตนมีหลักฐานครบทุกอย่างว่านี่คือขบวนการ คนในมูลนิธิฯ ก็เป็นคนของรัฐสภา เขาทำงานอยู่ในรัฐสภา ต้องไปสืบว่า เขารู้จักกับใคร  ที่รับไม่ได้เขาชวนให้ฮั้วการประมูลงาน ซึ่งตนไม่ทำ ไม่เอาหน้าที่การงานของสามีตน มาเล่นเรื่องแบบนี้ 

สังคมน่าจะเห็นแล้วว่า ขบวนการนี้เป็นขบวนการชุบตัว เพื่อหาเสียง เปิดมูลนิธิฯ ปลอมมาก เพราะเขาไม่เคยช่วยตามเคส ไม่เคยช่วยให้ถึงที่สุด เอาผู้เสียหายไปพูดหน้าสื่อ จากนั้นก็ส่งให้ตำรวจ จะไปทำอะไรต่อเขาก็ไม่เคยสืบเลย ตนอยู่ในเหตุการณ์ ทราบหมดทุกเรื่อง

สับเละ มูลนิธิจอมปลอม ขบวนการชุบตัว

นายแม่ปุ๊กกี้ กล่าวต่อว่า คับแค้นใจ เพราะเป็นคนเริ่มก่อตั้งแต่มูลนิธิฯ เขาไม่เคยมองว่า ตอนก่อตั้ง นายเเม่ซัพพอร์ตเขาทุกอย่าง รองเท้าคู่ละ 48,000 บาท ตนใส่แค่สองครั้งและยกให้เขา จะกินจะเที่ยว หมดไปเป็นเเสน ๆ พากันไปล่องเรือยอร์ช และด้วยความรัก แต่แค่เรารู้เรื่องทุกอย่าง แต่เราไม่เคยเปิดเผย เพราะเราไม่เคยขายเพื่อน แต่เพื่อนมาทำร้ายเราก่อนทำไม เพื่อนไปปั่นเรากับผู้ใหญ่ กับพี่ทุกคน ขอให้จำไว้ว่า เขาจะอ้างทุกคน เพื่อให้มาอยู่ข้างหลังเขา และทุกคนจะเป็นรายต่อไป 

สุ่มเสี่ยงถูกปิดมูลนิธิ ผิดวัตถุประสงค์ก่อตั้ว

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการจัดตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง ที่มีชื่อว่านางสาววิไลลักษณ์ ไชยชาญ เป็นกรรมการ ซึ่งเธออ้างว่า เธอไม่ได้เซ็นเอกสาร เเต่ถูกปลอมลายเซ็นนำไปยื่นจัดตั้งมูลนิธิ เป็นหนึ่ง ซึ่งทางทนายความระบุว่า การปลอมเเปลงลายเซ็นไม่ว่าผู้อื่นจะยินยอม หรือไม่ยินยอมถือว่าผิด เเต่ในกรณีนี้ถือว่า ผิดที่ตัวบุคคลเเต่ไม่มีผลกับมูลนิธิ

ด้าน นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมระบุว่า เเต่หากตรวจสอบได้ว่า มีการใช้มูลนิธิบังหน้า หรือ พิสูจน์ได้ว่า มีการซื้อขายวุฒิการศึกษาจริง กรรมการมูลนิธิจะมีความผิด เพราะขัดกับวันถุประสงค์ ในการจัดตั้งมูลนิธิ เสี่ยงต่อการถูกปิดมูลนิธิได้ จากการตรวจสอบพบว่า มูลนิธินี้รายชื่อ 5 คน มีชื่อประธาน คือต้นอ้อ เเละรองประธานนายเเม่ปุ้กกี้ เเละกรรมการ คือ นส.วิไลลักษณ์ ที่อ้างว่า ถูกปลอมลายเซ็น


ลูกแชร์แฉแหลก แอบอ้างคนใหญ่คนโต

นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหาจากคดีถูกโกงเเชร์ 2 ราย เดินทางมาร้องเรียนด้วย โดยคุณส้ม (นามสมมติ) กลุ่มผู้เสียหาย ที่ได้รับความเป็นไม่เป็นธรรมในการเล่นแชร์ นำข้อมูลมาร้องเรียนเพื่อหวังจะได้เงินคืน โดยระบุว่า รู้จักกับ ประธานมูลนิธิฯ ผ่านน้องสาว น้องสาวให้เล่นแชร์แทน ตนเห็นว่าโปรไฟล์ดี จึงรับเล่นแทน แต่ต้นปี 60 เป็นต้นมาวงแรก 100,000 บาท ไม่มีปัญหา

แต่วงต่อมาวง 300,000 มีปัญหาตั้งแต่มือที่ 16 เป็นต้นไป เขาบอกว่าถึงดีลแล้วก็จะคืน แต่วันหนึ่งบอกว่าคืนไม่ได้แล้ว ตอนนี้ตนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 480,000 บาท โดยในกลุ่มที่แจ้งความแล้ว มี 5 คน วงเงินประมาณ 3,000,000 กว่าบาท ในคดีฉ้อโกงประชาชน 

คุณส้มระบุว่า เขายังมีการแอบอ้างรู้จักคนในวัง ที่ปรึกษาคนในวัง แอบอ้างเบื้องสูง รวมถึงจะบินไปหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่างประเทศ รู้จักเลขารัฐมนตรี พรรคการเมือง ในเมื่อเขามีพาวเวอร์ทำงานในสังคมแล้ว ถ้าเขาบอกว่า ถูกโกงจริงก็ขอให้ติดตามคนที่โกงมาใช้เงินคืนกับเรา เพราะเราไม่รู้ว่า สิ่งที่เขาพูด คนพวกนั้นมีตัวตนหรือไม่ อยากให้เขากลับมารับผิดชอบในส่วนนี้ เขาพยามบอกว่า พวกเราดิสเครดิต ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเรารอเขามา 6-7 ปี