31 สิงหาคม 2565 รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ หรือ ดร.เสรี ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อดัง เพื่อเตือนภัยน้ำท่วมใหญ่ของประเทศไทย ถึงขั้น "กรุงเทพฯ จมบาดาล" ใน 20 ปีข้างหน้า หากไม่เตรียมการรับมือ ถึงขั้นอาจจะต้องย้ายเมืองหลวง
นอกจากนี้ได้ ออกมาเตือนว่า ช่วงเดือนก.ย.–พ.ย.65 ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนตกหนักมากขึ้น และระยะเวลายาวขึ้น ไม่รู้พายุจะเข้าช่วงไหน จากที่กรมอุตุฯ คาดการณ์ปีนี้พายุอาจจะเข้าไทย 2-3 ลูก อาจมีโอกาสเป็น ฝน 100 ปี ดูจากlถานการณ์ฝนที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เป็นฝนในรอบ 80 ปี ซึ่งหนักมาก
ตอนนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์จะเหมือนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 เพราะปริมาณน้ำฝนเท่ากัน แต่ลักษณะการท่วมแตกต่างจากปี 2554 ที่มาเร็วจากน้ำหลากและระบายน้ำจากเขื่อนใหญ่ แต่ปีนี้มาจากน้ำฝน แนวพายุเข้าที่อาจจะเลื่อนมาภาคกลาง จะทำให้น้ำเต็มทุ่งจนล้นเข้ามาท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ
ตอนนี้ เขื่อนป่าสักฯ น้ำจะเต็มเขื่อน ต้องระบายน้ำมาฝั่งตะวันออก ไปทางคลองรังสิต และทางฝั่งตะวันตก น้ำล้นคลองพระยาบรรลือเมื่อไหร่ ดังนั้นให้คนกรุงเทพฯ เตรียมตัวป้องกันไว้ก่อน เพราะพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล พื้นที่หน่วงน้ำมีน้อย
ดร.เสรี กล่าวเตือนในช่วง 3 เดือนนี้ (ก.ย.-พ.ย.65) มีฝนตกหนักมากและตกยาวนาน ส่วนพายุที่จะเข้ามาอาจจะรู้ล่วงหน้าได้ประมาณ 10 วัน ปริมาณฝนจะตกเท่าไหร่ พื้นที่ลุ่มทุ่งเจ้าพระยา พื้นที่รับน้ำหน่วงน้ำ ชาวนาจะเก็บเกี่ยวข้าวได้หมดใน 15 วันหรือไม่ ดังนั้นจะต้องทำฉากทัศน์ จำลองสถานการณ์ล่วงหน้าไว้หลายๆแบบ นำข้อมูลมาแจ้งประชาชนให้เข้าใจ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ประท้วงเวลาเปิดประตูระบายน้ำ แต่ประชาชนไม่อยากให้เปิด
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ เปิดเผยอีกว่า กรุงเทพฯ ปริมณฑล มีความเสี่ยงสูงมากจะจมใต้น้ำ อาจต้องย้ายเมืองหลวง หากไม่ทำอะไร เพราะทุก 10 ปี จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ควรนิ่งเฉย ต้องออกมาตรการป้องกัน
สำหรับปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ นั้น ดร.เสรี ระบุว่ามีปัจจัยหลักมาจาก 3 ส่วน
" กรณี ปริมาณน้ำฝน และ น้ำเหนือหลาก จะเกิดในหน้าฝน แต่ น้ำทะเลหนุนสูงถาวร เป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก เนื่องจากมีงานวิจัยจากต่างประเทศพบว่า กรุงเทพ อยู่ในลำดับ 7 เสี่ยงน้ำท่วมชายฝั่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง "
รศ.ดร.เสรี กล่าวอีกว่า ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (IPCC), งานวิจัยจากญี่ปุ่น และงานวิจัยของ NASA พบว่า จะมีน้ำท่วมชายฝั่งอย่างถาวรในอนาคต ดังนั้นเมื่อบวกรวมกับปริมาณน้ำฝนและปริมาณน้ำหลาก กรุงเทพจึงเหมือนถูกแซนวิช หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะจมบาดาล
แนวทางในการเตรียมรับมือนั้น ดร.เสรี ยืนยันว่า ต้องเป็น วาระแห่งชาติ ไม่ใช่แค่หน้าที่ ผู้ว่าฯกทม. เท่านั้น เนื่องจากต้องมีการสร้างแนวเขื่อนชายฝั่งเหมือนประเทศเกาหลี สร้างกั้นน้ำทะเลที่ชางฮี ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 30 ปี นอกจากนี้ต้องขยายระบบการระบายน้ำของกรุงเทพฯใหม่ทั้งหมด เพราะต้องยอมรับว่าที่มีอยู่รับมือไม่ได้แล้ว
รูปแบบโครงการจะสามารถช่วยปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และฉะเชิงเทรา แต่จะกระทบความเป็นอยู่และวิถีชีวิตอย่างมาก เช่น การสร้างถนนจากพัทยา-ชะอำ ต้องมีการพัฒนาตามแนวถนน หรือการสร้างเขื่อนแนวชายฝั่งที่ส่งผลกระทบกับประชาชน รวมถึงการประมงชายฝั่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และขณะนี้ยังไม่มีการเริ่มดำเนินการ
สำหรับ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ในปีนี้ นอกจากรีบขุดลอกคลอง ลอกท่อระบายน้ำ จะต้องหาพื้นที่หน่วงน้ำเหนือ หาพื้นที่ชุ่มน้ำในกรุงเทพเพื่อรับน้ำ พร้อมประสานไปยังจังหวัดต่างๆให้ช่วยหาพื้นที่หน่วงน้ำ
ก่อนหน้านี้ รศ.ดร.เสรี โพสต์เรื่องราวที่น่าสนใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์" เตือนคนไทย เตรียมรับมือพายุ 15 ลูก ระวัง"น้ำท่วมใหญ่"ปลายปี 65 (อ่านเพิ่มเติม) โดยระบุถึง ปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ในปี 2565 จะเกิดขึ้นเมื่อครบทั้ง 3 ปัจจัย ดังนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม : เตือนคนไทย เตรียมรับมือพายุ 15 ลูก ระวัง"น้ำท่วมใหญ่"ปลายปี 65
ปริมาณฝนคาดการณ์ช่วงปลายปี 2565 (สิงหาคม-พฤศจิกายน) มีสูงกว่าค่าปกติ และมากกว่าปี 2564 ที่ผ่านมา หากปริมาณฝนในภาคกลางมีมากกว่า 18 % ของค่าปกติ มีความเสี่ยงสูงจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ 2554 แต่พฤติกรรมน้ำหลากจะไม่เหมือนกัน (ถ้าฝนตกเหนือเขื่อน ปริมาตรรองรับน้ำเขื่อนขนาดใหญ่ในภาคเหนือยังมีประมาณ 50% แต่หากตกใต้เขื่อน จะสร้างปัญหาให้กับภาคกลางแบบน้ำท่วมทุ่ง ค่อยๆหลากเข้าเมือง) สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนกลาง ตอนล่าง) ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ได้เช่นกัน
ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ที่ทำให้สถานการณ์รุนแรง หรือเบาลงประกอบไปด้วย
สำหรับ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นผู้ที่ออกมาเตือนก่อนเกิดน้ำท่วมปี 2554 โดยในช่วงนั้นมีการแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ กระทั่งสุดท้ายเกิดอุทกภัยที่หนัก เกิดการท่วมครั้งใหญ่อย่างที่ออกมาเตือนจริงๆ