เมียร้อง "สามีถูกรุมทำร้ายร่างกาย" แจ้งความ 1 ปี คดีไม่คืบ

20 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง ได้รับการร้องเรียนจาก นางฐณิฌา อายุ 44 ปี ชาว ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ว่า

 

 

 

 

 

เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เขาชัยสน เหตุสามีถูกรุมทำร้ายร่างกาย แต่คดีไม่คืบหน้า 

พร้อมนำคลิปวีดีโอ ที่นายพีระวัฒน์ อายุ 42 ปี สามีถูก นายมนูญ อายุ 52 ปี พร้อมพวก รุมทำร้ายร่างกาย แต่จนถึงตอนนี้ เป็นระยะเวลา ร่วม 1 คดีไม่คืบหน้าเลย มาให้ผู้สื่อข่าวตรวจสอบ

 

 

โดย นางฐณิฌา เล่าว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 สามีตนถูก นายมนูญ อายุ 52 ปี พร้อมพวก รุมทำร้ายร่างกาย แต่จนถึงตอนนี้ เป็นระยะเวลา ร่วม 1 คดีไม่คืบหน้าเลย ตนพยายามเข้าไปตามคดี ตลอด แต่ถูกบ่ายเบี่ยงจากพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี และพยายามเข้าพบ ผกก.สภเขาชัยสน แต่ก็เหมือนเดิม คดีไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย 

 

 

 

 

 

ก่อนหน้านี้เธอได้ว่าจ้างให้นายมนูญ รับเหมาก่อสร้างบ้านในวงเงิน 2 แสนกว่าบาท โดยมีการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ จนเหลืองวดสุดท้าย ในวงเงิน 26,500 บาท มีการนัดชำระกันเมื่อก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จ แต่เธอมีฤกษ์ดีต้องเข้าอยู่บ้านก่อน

เหลือเพียงให้ช่างทาสีด้านนอก ต่อท่อประปาและเดินไฟฟ้า แต่ช่วงที่เธอเข้ามาอยู่เกิดฝนตกหลังคาบ้านรั่ว เธอจึงแจ้งให้ช่างมาซ่อม ซึ่งช่างก็มาเปลี่ยนกระเบื้องให้จำนวน 1 แผ่น เธอจึงบอกว่า เดี๋ยวรอดูช่วงฝนตกอีกที และจะจ่ายเงินให้ครบในช่วงสิ้นเดือน 

แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้น 2 วันฝนตกอีก หลังคาก็รั่วเหมือนเดิม น้ำเต็มห้องนอน ที่นอนเปียกหมด

 

 

เธอพยายามโทรตามช่างมาแก้ไข แต่ช่างบอกไม่ว่าง ให้รอก่อน รอจนแล้วจนรอดช่างก็ไม่มาซ่อม และบอกให้เธอหาช่างมาซ่อมเอง โดยให้หักเอาจากเงินค่างวดสุดท้ายที่เธอค้างอยู่ เหลือเท่าไหร่ก็ให้จ่ายเขาไป ทำให้มีปัญหาขัดแย้งกันขึ้นจนเธอต้องไปร้องศูนย์ดำรงธรรม 

 

 

 

 

ร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วย

 

 

โดยทางศูนย์ดำรงธรรม ได้ไกล่เกลี่ย ให้นายมนูญฯ มาดำเนินการซ่อมแซมหลังคาบ้านให้แล้วเสร็จ และให้เธอจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้กับนายมนูญ เธอก็พยายามติดต่อนายคู่กรณีแต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย จนกระทั่งวันเกิดเหตุ นายมนูญ พร้อมคนงาน ประมาณ 6 -7 คน มาที่บ้านบอกว่าจะมาซ่อมบ้าน โดยที่ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า

 

ตนก็บอกว่าวันนี้เธอไม่สะดวก เพราะเธอเตรียมของจะไปขาย และไม่มีใครอยู่บ้าน ส่วนสามีเธอก็ไม่อยู่เพราะต้องไปทำงาน ขอเวลาอีก 2 – 3 วันได้ไหม แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ได้ขนนั่งร้านมาติดตั้งข้างบ้านและบอกจะซ่อมวันนี้ จนเกิดปัญหาโต้เถียงกันขึ้น 

 

สุดท้ายกลุ่มนายมนูญฯ ได้ลากสามีเธอออกไปที่ข้างรถ และรุมทำร้าย ร่างกาย พ่อ แม่ ของเธอ และเธอพยายามห้าม แต่อีกฝ่ายไม่ฟัง และเหมือนจะพยายามฉวยเอาของแข็งที่อยู่ท้ายกระบะรถจะทำร้ายสามีเธอ 

 

 

โดนเย้ยว่าคนจนสูยังไงก็ไม่ชนะ

 

 

โชคดีที่เธอใช้มือถือถ่ายวีดีโอขณะเกิดเหตุไว้และขู่ว่าถ้าไม่หยุด จะเอาคลิปแจ้งความ อีกฝ่าย เลยหยุดพร้อมปล่อยตัวสามีเธอ หลังจากนั้นเธอจึงเอาคลิปดังกล่าวไปแจ้งความกับ พ.ต.ท.เกียรติชัย เกื้อมิตร พนักงานสอบสวน สภ.เขาชัยสน 

 

แต่สุดท้ายคดีไม่คืบหน้าอะไรเลย  หนำซ้ำอีกฝ่ายกลับมีการโพสต์เย้ยหยันประมาณว่า "คนจน ไม่มีสิทธิ์สู้คดี สู้ไม่ชนะ คนไม่มีเงินไม่มีใครเข้าข้าง"

ทำให้ตนรู้สึกเหมือน จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งตำรวจเองก็ไม่ให้ความสำคัญตามคดีกี่ครั้งก็ไม่เคยมีความคืบหน้าเลย จึงเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนเพื่อให้ช่วยเหลือ 

จากข้อความฝ่ายคู่กรณีโต้ตอบในเฟชบุ๊กว่าคนจนจะไปสู้คดีกับคนรวยเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ ซึ่งเธอคิดว่าอย่างน้อยความยุติธรรมยังหลงเหลืออยู่บ้าง จากการที่ไปโรงพักแต่ละครั้งเพื่อตามคดีทำไมมันช้า

บางครั้งแอบคิดนิดๆเมื่อเห็นโพสต์ของคู่กรณี เธอจึงต้องหาหน่วยงานที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ ถ้าไม่นั้นคนที่ทำความผิดกลับกลายเป็นคนถูก ซึ่งหลักฐานของเธอก็มี ดังนั้นขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยด้วย 

 

 

สอบถามข้อเท็จจริงกับตำรวจ

 

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยัง สภ.เขาชัยสน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.ท.เกียรติชัย เกื้อมิตร เจ้าของคดี บอกว่า ในชั้นพนักงานสอบสวนได้มีการแจ้งดำเนินคดีนายมนูญ ผู้ก่อเหตุพร้อมพวกไปแล้วรวม 3 คน ในข้อหา "ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ,ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปฯลฯ" ตั้งแต่รับแจ้ง เมื่อช่วงต้นปี 67 

 

 

 

 

 

 

 

 

แต่ล่าสุดตอนนี้ เรื่องยังไม่สามารถส่งอัยการได้ เพราะมีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 2 ราย ที่ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใคร ตำรวจเรียกนายมนูญมาสอบเพิ่ม ก็ไม่สามารถระบุชื่อ และที่อยู่ ของคนงานที่ร่วมไปในวันนั้นได้

จึงส่งเรื่องอัยการไม่ได้ เพราะส่งไปอัยการก็ไม่รับ ส่วนคดีดังกล่าวจะส่งอัยการวันไหน อย่างไร ตนยังไม่รู้ ยังให้คำตอบอะไรได้