ผู้นำฝ่ายค้านฯ สรุปซักฟอก 2 วัน 2 คืน ย้ำไม่ไว้วางใจนายกฯ เพราะอะไร

25 มีนาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ใช้ระยะเวลาระหว่างวันที่ 24 – 25 มีนาคม 2568 ตลอด 2 วัน 2 คืนที่ผ่านมา

โดย นายณัฐพงษ์ ได้ย้อนถามนายกรัฐมนตรี หลังระบุพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทยอยู่หัวอกเดียวกัน ถูกยุบพรรคเหมือนกันนั้น นายกรัฐมนตรี จะมีทางออกอย่างไร ทั้งที่พรรคเพื่อไทย มีนโยบายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่การกระทำก็ต่างจากที่นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยขอนายกรัฐมนตรี อย่าอ้างข้อกฎหมาย และความเห็นแตกต่าง ในการจัดการออกเสียงประชามติ เพราะเป็นเหตุผลบังหน้า อยู่เบื้องหลังเหตุผลทางการเมือง

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังย้ำว่า นายกรัฐมนตรี ขาดความรู้ความสามารถ ขาดวุฒิภาวะ และขาดเจตจำนงทางการเมือง โดยได้ถามเหตุผลการมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของนางสาวแพทองธาร
 

ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปี ประเทศไทยได้สูญเสียไปทุกอย่าง เพื่อเอา "ทักษิณ" ออกนอกประเทศ และ 20 ปีผ่านมา ประเทศไทยกำลังจะสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง เพื่อเอา "ทักษิณ" กลับมาในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายค้าน พยายามสื่อสารว่า "ดีลแลกประเทศคืออะไร"

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
 

ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวอภิปรายถึงกรณีที่รัฐบาล พยายามย้อนฝ่ายค้านเป็นผู้ประดิษฐ์วาทกรรม ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ว่า เพราะครั้งนี้เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อมีการกล่าวหา รัฐบาลก็ต้องชี้แจง แต่รัฐบาลกลับนำข้อกล่าวหา มาโยนใส่ฝ่ายค้านที่กำลังทำหน้าที่ เป็นตรรกะที่ย้อนแย้ง และเป็นการแสดงออกด้วยการกดคนอื่น โดยตั้งคำถามว่า ถือเป็นภาวะผู้นำที่ดีหรือไม่ หรือจะกล่าวหาฝ่ายค้าน อภิปรายแต่เรื่องเก่า แต่เรื่องเก่าที่กระทำผิดหลายเรื่อง เหตุใดรัฐบาลถึงไม่แก้ไข เช่น สัมปทานทางด่วน, ค่าไฟฟ้าแพง, คดีเหมืองทองอัครา ซึ่งแม้จะไม่ได้เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ หรือในรัฐบาลชุดนี้ แต่ในเมื่อรัฐบาล อยู่ในอำนาจแล้ว ทำไมจึงไม่ออกมายืนยันว่าจะแก้ไข

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุเป็นเรื่องปกติทางการเมืองว่า หากนายกรัฐมนตรี อ้างว่า เป็นเรื่องปกติในการเมือง แต่จะดีลอย่างไรให้โปร่งใส ให้เป็นดีลที่ประชาชนได้ประโยชน์ ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายตั้งขอสงสัย กล่าวหาว่า เหตุผลและผลในการทำนโยบาย หรือโกหกประชาชนที่ได้สัญญาไว้ เพื่อให้ฝ่ายค้านเข้าใจการเมืองโลกความเป็นจริงมากขึ้น แต่รัฐบาลก็ไม่เคยพูดเหตุผลความจริง เพราะรัฐบาลพูดไม่ได้ เพราะดีลนั้น ไปตกประโยชน์อยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังได้ไล่เรียงย้ำประเด็นต่าง ๆ ที่ฝ่ายค้านได้มีการอภิปรายตลอดระยะเวลา 2 วัน 2 คืนที่ผ่านมา ทั้งภาษีการโอนหุ้นของนายกรัฐมนตรี ที่เป็นธุรกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี, ปัญหาปลาหมอคางดำ, ปัญหาฝุ่น PM 2.5, ปัญหาค่าไฟแพง

ซึ่งปัญหาค่าไฟแพงนั้น ก็ยังปรากฏภาพนายทักษิณ ไปตีกอล์ฟกับกลุ่มทุนพลังงาน ดังนั้น เหตุใดจึงตั้งคำถามไม่ได้ หรือเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงขอให้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า จะปรับปรุงเรื่องนี้หรือไม่ รวมถึงที่ดินโรงแรม เทมส์ วัลเล่ย์เขาใหญ่ และประเด็นชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดก่อน ๆ แต่นางสาวแพทองธาร อยู่ในพยานรู้เห็นสถานะของนายทักษิณมาโดยมาตลอด จึงต้องการทราบคำตอบว่า นายทักษิณป่วยเป็นอะไร จึงทำให้ต้องรักษาตัวที่ชั้น 14 รวมถึงปัญหาคอลเซ็นเตอร์

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังเรียกร้องนายกรัฐมนตรี หยุดเอาใจกลุ่มทุน หรือกลุ่มอำนาจเดิม และเลิกบิดเบือนกฎหมายเปลี่ยนดำเป็นขาว และยังคงรอนายกรัฐมนตรี ใช้สิทธิพาดพิงในการชี้แจง พร้อมยังได้กล่าวหานายกรัฐมนตรีทิ้งท้ายว่า นายกรัฐมนตรี ให้เกิดความเสียหาย จงใจทำธุรกรรมอำพรางวางแผน เพื่อหนีภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา หนีความจริง ซึ่งด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้ตนไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ ในระหว่างที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้กล่าวสรุปญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่พยายามจะให้นายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังที่ตนเองกล่าวสรุปการอภิปรายเสร็จสิ้น

เพราะการอภิปรายครั้งนี้ เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เป็นการกล่าวหา ไม่ใช่การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่มีการตั้งคำถามต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งหากผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังคงมีคำถาม ก็ขอให้เก็บไปถามในคราวการอภิปรายมาตรา 152 และการอภิปรายสรุป ไม่สามารถถามกลับได้ จึงขอให้ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยึดกรอบข้อบังคับการประชุม

ก่อนที่จะมีการประท้วงจากฝ่ายค้านว่า ผู้นำฝ่ายค้านฯ ไม่ได้กระทำผิดข้อบังคับการประชุม และจะให้นายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังเพิ่มเติมหรือไม่ ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ก็สามารถตกลงกันหน้าบัลลังก์ได้ ก่อนที่จะประท้วงกันไปมา