svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวทั่วไทย

ร้องเพจดัง "เจ้าอาวาสวัด" ยืมเงินเกือบ 10 ล้านบาท แต่ไม่ยอมคืน

เศรษฐีนี วัย 57 ปี ร้องเพจดัง หลังถูกเจ้าอาวาสวัดดังยืมเงิน 20 ปี รวมเกือบ 10 ล้าน แต่ไม่ยอมคืน พอทวงถามกลับถูกขู่และทำร้าย และบอกให้ยึดโบสถ์ไแทน

4 กันยายน 2567 นางกฤษณา (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี เศรษฐีนี นำหลักฐานเอกสารร้อง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เพจสายไหมต้องรอด

 

 

กรณีถูกเจ้าอาวาสวัดดังย่าน ลำลูกกา ยืมเงินนานกว่า 20 ปี เป็นเงิน 9,200,000 บาท และไม่ยอมคืนเงิน บอกว่ามายึดโบสถ์ไปเลย ซึ่งเมื่อครบสัญญาคืนเงิน ป้าจึงมาปรึกษาสายไหมต้องรอดว่าสามารถยึดโบสถ์ได้จริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ป้าเดือดร้อนเพราะเอาเงินเก็บทั้งชีวิตไปให้เจ้าอาวาสยืมหมดแล้ว

 


ป้ากฤษณา บอกว่า ครอบครัวของตนเองเป็นโยมอุปัฏฐากวัดดังกล่าวตั้งแต่รุ่นพ่อ และเธอก็ไปทำบุญตั้งแต่สมัยสาวๆ กว่า 20 ปี จึงมีความคุ้นเคยกับวัดและรู้จักเจ้าอาวาสมานาน โดยเมื่อปี 2552 เจ้าอาวาสก็ถามว่า พอมีเงินใช่มั้ย จะขอยืมมาบูรณะซ่อมแซมวัด ซึ่งตนก็ให้เพราะเคารพและศรัทธา จากนั้นเจ้าอาวาส ยืมเงินมาโดยตลอด ครั้งและหลักพันจนถึงหลักแสน มีทั้งเงินสดและโอนเข้าบัญชี โดยเงินสดจะให้ตนเอาไปให้ภายในกุฏิที่มีเพียงตนเองและเจ้าอาวาสอยู่ สหากโอนเข้าบัญชีจะให้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวบอกหากโอนเข้าบัญชีวัดจะยุ่งยาก 

 

 

ที่ผ่านมาตนเองพยายามทวงถามถึงเงินที่เจ้าอาวาสยืมไป แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด บอกว่าหากได้กฐินได้ผ้าป่า จะนำมาคืนให้แต่ก็ไม่เคยคืนให้สักที บอกให้ยึดโบสถ์ ยึดศาลา ยึดของในวัดไปเลย พร้อมให้กุญแจโบสถ์มากับเธอเพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

นอกจากนี้ยังถูกเจ้าอาวาสข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเจ้าอาวาสใช้เท้าถีบมาที่ตนเองแต่หลบได้ จากนั้นก็ถูกบีบคอ ตนเองตกใจมาก เลยบอกกลับไปว่า เป็นพระมาถีบทำไม แม้เจ้าอาวาสปฏิเสธว่าไม่ได้ถีบแค่ใช้เท้ายัน แล้วมาถูกตัวสีกาได้อย่างไร เจ้าอาวาสบอกว่าไม่ได้ถูกตัวแต่สีกามาถูกตัวเจ้าอาวาสเอง ส่วนที่ถูกบีบคอเจ้าอาวาสก็ขอโทษ บอกว่า ฉันเผลอตัว และยังพูดอีกว่ามาวัดไม่กลัวเหรอมีแต่คนเกลียดนะ ตนเครียดมากจึงไปหาเจ้าคณะอำเภอ

 

 

ร้องเพจดัง \"เจ้าอาวาสวัด\" ยืมเงินเกือบ 10 ล้านบาท แต่ไม่ยอมคืน

 

 

จนเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าคณะอำเภอเรียกให้เจ้าอาวาสมาทำสัญญารับสภาพหนี้ และบอกให้ชำระหนี้ทั้งหมดภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ แต่เมื่อถึงวันชำระก็ไม่ชำระ มีเพียงก่อนหน้านี้ไม่กี่วันที่ใช้มาเพียง 3,000 บาทเท่านั้น 

เมื่อถามว่าตั้งแต่ยืมเงินไปได้เห็นการเปลี่ยนแปลงภายในวัดหรือไม่ ก็บอกว่าวัดก็ยังเหมือนเดิมซ่อมอะไรก็ครึ่งครึ่งกลางกลางไม่เห็นมีการบูรณะ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเงินหายไปไหน จึงมาปรึกษานายเอกภพ ว่าสามารถไปยึดโบสถ์ตามที่เจ้าอาวาสบอกได้หรือไม่ หากยึดได้ก็จะทำ หากใครมาบวชก็ยังให้บวชตามปกติ ตนก็จะเก็บเงินผู้ที่มาบวชตามจิตศรัทธา ตอนนี้ตนเองเดือดร้อนเพราะเงินมรดกที่ได้มาจากพ่อคือเงินทั้งชีวิตแต่กลับถูกเจ้าอาวาสยืมไปจนหมด เครียดมาก คิดที่จะฆ่าตัวตายเตรียมยาไว้แล้วจะไปกินฆ่าตัวตายภายในวัด เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรทั้งที่ก็เป็นคนทำบุญและไม่คิดว่าเจ้าอาวาสจะมาหลอกเอาเงิน

 

 


ด้านนายเอกภพ บอกว่า ตามความจริงแล้วไม่สามารถยึดโบสถ์ได้ แต่เมื่อเจ้าอาวาสทำเอกสารรับสภาพหนี้ ทางผู้เสียหายสามารถไปฟ้องส่วนตัว และให้ยึดทรัพย์ที่เป็นของส่วนตัวเจ้าอาวาสมาใช้นี้ได้ และจะประสานฝ่ายกฎหมายของสายไหมต้องรอด เพื่อให้คำปรึกษาด้านคดีว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างรวมถึงได้ประสานท่านพระครูอ๊อด เจ้าอาวาสวัดสายไหม หรือ รองเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา เพื่อปรึกษาในการเจรจาชำระหนี้

 

 

จากนั้นนายเอกภพ ได้พาป้ากฤษณา มาพบกับท่านพระครูอ๊อด เจ้าอาวาสวัดสายไหม หรือ รองเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา เพื่อปรึกษา 

 

 

ร้องเพจดัง \"เจ้าอาวาสวัด\" ยืมเงินเกือบ 10 ล้านบาท แต่ไม่ยอมคืน

 

โดย ป้ากฤษณา ได้บอกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ว่า เจ้าอาวาสได้มาขอยืมเงิน ไปเกือบ 10 ล้าน และตนเองก็ไปทวงหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ และยังถูกเจ้าอาวาสทำร้ายร่างกาย และที่เจ้าอาวาสบอกจะให้ยึดโบสถ์ไปนั้นสามารถทำได้หรือไม่ 

 

 

ทางท่านพระครูอ๊อด ได้บอกว่า โบสถ์ไม่สามารถยึดได้ เพราะวัดป็นการดูแลของสำนักพระพุทธศาสนา และทรัพย์สมบัติของวัดก็ไม่สามารถนำมาขายได้ ไม่สามารถนำไปเข้าไฟแนนซ์ หรือให้ใครได้ เพราะเป็นทรัพย์สินของพระพุทธศาสนา ส่วนการยืมเงินก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าอาวาส ซึ่งเรื่องนี้จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน และให้ทางเจ้าอาวาสมาชี้แจงว่าเงินดังกล่าวไปใช้ส่วนตัวหรือบริหารวัด ซึ่งจะประสานเจ้าคณะจังหวัดและเรียกเจ้าอาวาสคนดังกล่าวมาไกล่เกลี่ยและไต่สวน หากทำผิดจริงก็มีความผิดยักยอกทรัพย์ สามารถให้สึกออกจากพระได้และมีความผิดทางด้านกฎหมายก็ต้องดูว่าผิดในข้อไหนบ้าง และการที่เจ้าอาวาส อ้างว่าจะให้โบสถ์เอาทรัพย์สินในวัดไปขายเอาเงินมาให้ ถือว่ามีมีความผิดหรือไม่ ตามความจริงแล้วไม่สามารถทำได้แต่หากมีการพูดก็ต้องดูว่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือไม่

 

 

นอกจากนี้ยังมีการโทรศัพท์ไปหาลูกศิษย์คนสนิทของเจ้าอาวาสคนดังกล่าว มีการบอกว่าเงินที่เจ้าอาวาสยืมมานั้นไม่ได้ใช้ในการบริหารวัดเลย รวมถึงเงินที่ทอดผ้าป่าทอดกฐินก็นำมาใช้บริหารวัดน้อยมาก ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไร และตนเองก็ลาออกมาแล้ว 

 

 

ซึ่งป้าได้ถามว่า ทราบหรือไม่ที่เจ้าอาวาสโอนเงินที่ยืมไปโอนให้กับผู้หญิง 2 คน และไปไหนมาไหนในยามวิกาล และยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่เจ้าอาวาสก็ยังทำ