svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวทั่วไทย

บีบหัวใจแม่ เล่านาที 7 ขวบ ติดในรถจนสิ้นลมหายใจ

บีบหัวใจแม่ เล่านาที 7 ขวบ ติดในรถจนสิ้นลมหายใจ ยอมรับ ดื่มสังสรรค์เล็กน้อยตามประสาชาวบ้าน ไม่ได้ตั้งใจทิ้งลูก ปกติน้องชอบไปเล่นในรถ จนวันเกิดเหตุประตูล็อกอัตโนมัติ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากกรณี เมื่อวานนี้ ( 28 ส.ค.67 ) มูลนิธิกู้ภัยอรัญประเทศฯ ได้รับแจ้งเหตุเด็กชายวัย 7 ขวบ ติดอยู่ภายในรถยนต์กระบะ ที่จอดไว้กลางแดด จนทำให้หมดสติ และเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ต.บ้านด่าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผู้ปกครองนั่งปาร์ตี้ สังสรรค์กัน จนลืมลูกชายไว้ในรถ เป็นเหตุให้น้องเสียชีวิต

วันที่ 29 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ไปยังบ้านตุ่น ตำบล บ้านด่าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบกับนางสาวมะลิสา (ขอสงวนนามสกุล) แม่ของ ด.ช.วัย 7 ขวบ ผู้เสียชีวิต เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังทั้งน้ำตาว่า ผู้เสียชีวิตนั้นคือเด็กชายภูมิภัทร มาดี อายุ 7 ปี หรือ "น้องม่อน" ซึ่งมีความพิการประเภท 5 หรือเรียกว่าความพิการด้านสติปัญญา แม่ยอมรับผิด ที่เผลอเรอปล่อยให้ลูกเล่นอยู่บนรถคนเดียว แต่ปกติแล้วน้องก็จะขึ้นไปเล่นบนรถเป็นประจำทุกวัน ถ้าไม่ให้น้องขึ้นรถน้องก็จะร้องไห้งอแง จนต้องยอมให้น้องขึ้นไป แต่วันนั้นแม่ยอมรับว่า แม่เผลอเรอจริงๆ คือให้น้องขึ้นไปเล่น แล้วแม่ไม่ได้สังเกตว่าประตูรถที่เปิดไว้นั้น ถูกลม พัดปิดไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ต่างคนก็ต่างคิดว่า มีคนอุ้มลูกเข้าไปในบ้านแล้ว เพราะเห็นประตูรถปิดสนิท เลยไม่ได้เอะใจ 
 

จนกระทั่ง เวลา 15.00 น. แฟนใหม่ของตนเอง คือ นายสุวัตร (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยงของเด็ก มาเปิดประตูรถ เพื่อที่จะนำรถไปจอดอีกที่หนึ่ง พอเปิดประตูรถออกมาพบน้องนอนหมดสติอยู่เบาะหลังสภาพน้องมีอุจจาระเต็มกางเกง มือเกร็ง นอนนิ่ง และเนื้อตัวซีด หลังจากนั้นพ่อเลี้ยงได้รีบเข้าไปนำตัวน้องออกมา พร้อมทั้งตะโกนเรียกให้ชาวบ้านเข้ามาช่วย ก่อนใช้น้ำล้างอุจจาระ พร้อมกับช่วยปั๊มหัวใจน้อง และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้รีบนำตัวน้องส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทันแล้ว น้องได้เสียชีวิตลงในที่เกิดเหตุ 

"พ่อกับแม่รู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนที่มีกระแสข่าวออกไปว่าพ่อกับแม่ปาร์ตี้ จนลืมลูกนั้น ยอมรับว่าวันนั้นมีการนั่งดื่มสังสรรค์กันจริง แต่ก็เป็นธรรมดาของชาวบ้านที่มีการนั่งจับกลุ่มพูดคุยกัน และก็มีการดื่มกินเพียงเล็กน้อย ไม่ได้จัดปาร์ตี้อะไรที่ใหญ่โต ตามที่เป็นข่าว ส่วนบางคนก็มองว่า พ่อเป็นพ่อเลี้ยงไม่ใช่พ่อแท้ๆ อาจจะมีการทำร้าย หรือฆ่าลูกก็ได้ ตรงนี้แม่ได้ยินก็รู้สึกเสียใจ และขอยืนยันว่าพ่อรักน้องมาก เพราะครอบครัวของเราอยู่ด้วยกันมานานแล้ว พ่อไม่เคยตีลูกเลยแม้แต่ครั้งเดียว" 

ด้าน "ป้าไอ" อายุ 67 ซึ่งเป็นป้าข้างบ้าน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันนั้นป้าก็ตกใจ ป้าได้ยินเสียงพ่อกับแม่ของน้อง ร้องเอะอะโวยวาย ทีแรกป้าคิดว่าเขาตีกัน ป้าก็เลยไม่ได้ออกมาดู จนกระทั่งเสียงร้องไห้ทั้งพ่อทั้งแม่ดังขึ้นเรื่อยๆ ป้าจึงได้รีบวิ่งไปดู ก็เห็นน้องหมดสติแน่นิ่ง พร้อมกับทั้งเนื้อตัวเต็มไปด้วยอุจจาระ ทีแรกป้าคิดว่า น้องเป็นลมชัก ซึ่งปกติแล้วน้องเป็นเด็กพิเศษ ร่างกายก็จะไม่สมบูรณ์เหมือนกับเด็กปกติทั่วไป ป้าก็เข้าไปช่วยจับที่ตัวน้อง หลังจากนั้นป้าก็รู้สึกเห็นตามลำตัวของน้องเริ่มเขียว และ เนื้อตัวเริ่มเย็น ป้าคิดในใจว่าน้องไม่น่ารอดแล้ว พ่อกับแม่ก็ได้แต่ร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ 

ส่วนเรื่องกระแสต่างๆ ที่ว่าพ่อกับแม่เขาไม่ดีนั้น "ป้ายืนยันว่าเขาทั้งสองคนรักลูกมาก และช่วยกันดูแลลูกเป็นอย่างดี" ส่วนคนที่ไม่รู้ก็อย่าพูดไปในทางที่เสียๆหายๆ เพราะมันจะทำให้บั่นทอนจิตใจของครอบครัว " ป้าไอ กล่าว 

พร้อมกันนี้ ร้อยเวรพนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุ และได้เรียกพ่อเลี้ยงไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.อรัญประเทศ ส่วนร่างของน้องม่อนจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านตุ่น จะบำเพ็ญกุศล กี่วันนั้นทางครอบครัว ยังไม่ได้คุยกัน และวันนี้แม่ก็จะไปรับน้องจากโรงพยาบาล เพื่อมาตั้งบำเพ็ญกุศลต่อไป