วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.2567) เวลา 15.00 น. ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม น.ส.เอ (นามสมมุติ) พร้อมด้วย “ปุ๊กกี้” อดีตสมาชิกมูลนิธิเป็นหนึ่ง ที่ลาออกเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาที่มูลนิธิฯ เพื่อขอคำแนะนำจากทนายความ และแถลงความจริงต่อสื่อมวลชน
ปุ๊กกี้ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิเป็นหนึ่ง เพราะอยากเป็นบุคคลมีชื่อเสียง มีแสง เพื่อที่จะต่อยอดในการทำธุรกิจ แต่ต้องเป็นธุรกิจที่สุจริต และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีผู้ใหญ่คอยเตือนตนเองอยู่เสมอว่าไม่อยากให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลคนนี้ คือ นางสาว อ.
แต่ยอมรับว่าตนไม่เชื่อ เพราะไม่เคยเจอกับตัว และคอยปกป้องรักน้องมาโดยตลอด อีกทั้ง มอบเงิน จำนวน 100,000 บาท เพื่อจัดตั้งมูลนิธิ ยอมรับว่าเป็นการให้โดยเสน่หา แม้จะไม่ได้เป็นประธานมูลนิธิ หรือไม่ค่อยได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมากนัก เพราะจะมีแต่เขาคนเดียวที่จะคอยออกหน้า ก็ยืนยันว่าที่ออกจากมูลนิธิ ไม่ใช่เรื่องนี้
แต่เหตุผลที่จำเป็นต้องออก เพราะได้เจอมากับตัวเอง เมื่อเขาสอนให้เราทำสิ่งที่ไม่สุจริต คือเสนอให้ "ฮั้วประมูล" โครงรัฐ เนื่องจากสามีของตนมีคอนเน็กชันเกี่ยวกับการรับเหมา และคิดว่าหากทำแล้วต้องส่งผลกระทบต่อครอบครัว โดยเฉพาะตัวสามี และยังต้องแบ่งสรรปันส่วนว่าใครจะได้เปอร์เซ็นต์บ้าง ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่หลายๆคนพูดเป็นความจริง จึงพาตัวเองออกมาจากมูลนิธิ
ส่วนประเด็นการซื้อ "วุฒิการศึกษา" ยอมรับว่าได้ยินเรื่องนี้จากปากของน้อง อ.เอง ตอนที่เขาบอกว่าจะซื้อให้สามี ในราคา 150,000 บาท และยังทราบว่า เขาเองได้มีการ ซื้อขายวุฒิ ให้บุคคลอื่นอีก ซึ่งเรื่องนี้ตนก็มีคลิปเสียงระหว่าง "ซ้อลักษณ์" และอาจารย์ของมหาวิทยาลัยดัง ที่พูดถึงการซื้อขายวุฒิปริญญากันด้วย"
อยากฝากถึงคนที่อยู่รอบตัวของน้อง (อ.) อย่างเช่นทนายชื่อดัง และพิธีกรชื่อดัง ว่าตนเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นมาแล้ว ขอให้ทุกคนถอยออกมา อย่าช่วยคนทำผิด เพราะตนเองก็ยังรู้สึกผิดกับผู้เสียหายที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยเป็น back ให้เขาช่วยเหลือเขา ทั้งที่มีผู้เสียหายมาร้องเรื่องโกงแชร์ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นจึงขอให้ตัวน้อง อ. ยุติบทบาทของมูลนิธิดังกล่าว แล้วเคลียร์ปัญหาให้จบก่อนที่จะไปช่วยเหลือสังคม เพราะตัวคุณยังไม่ดีพอที่จะทำดีเลย
ด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ที่ถูกชักชวนให้ร่วมเล่นแชร์และปล่อยกู้ กล่าวว่า ตนรู้จักกับ ผู้ที่ตกเป็นข่าว จากน้องสาวของตนเมื่อช่วงปลายปี 2560 ก่อนจะถูกชักชวนให้ร่วมเล่นแชร์ วงละ 100,000 บาท จำนวน 40 คน ส่งเงินสัปดาห์ละ 2,200 บาท
หลังร่วมเล่นแชร์ไปแล้วครั้งแรกก็ได้เงินพร้อมกำไรครบ หลังจากนั้นเขาก็ชักชวนให้ร่วมเล่นแชร์อีกหลายวง และให้ร่วมลงเงินปล่อยเงินกู้แจกดอกที่เขาตั้งขึ้นมา ซึ่งตนหลงเชื่อด้วยหน้าที่การงานและฐานะทางสังคมจึงลงเงินไป 488,000 บาท
กระทั่งปลายปี 2561 เขาเริ่มไม่จ่ายเงินคืนตามที่ตกลงไว้ พอตนทวงถามไป เขาก็บ่ายเบี่ยง อ้างว่าตัวเขาเองกำลังจะลงเล่นการเมือง แล้วจะได้เงินสนับสนุนกว่า 10 ล้านบาท จากนั้นจะนำเงินมาคืนให้พร้อมดอกเบี้ย จนผ่านมาหลายปีก็ไม่เคยได้เงินคืน
ต่อมา ตนพร้อมผู้เสียหายร่วมกว่า 10 คน ได้เข้าไปเจรจากับเขาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาบอกให้เอาเลขบัญชีทุกคนมาแล้วจะทยอยคืนเงินให้ แต่พอถึงเวลากับได้เงินโอนคืนมาแค่คนละ 200-300 บาท ตนจึงเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ที่ สภ.สามพราน เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2567 หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป ตนจึงเกรงว่าตอนนี้เขามีชื่อเสียง รู้จักคนใหญ่คนโต กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงมาร้องขอให้ทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมช่วยเหลือ