เมืองเบธเลเฮมในเขตเวสต์แบงก์ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล และได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู ยังคงไม่มีการตกแต่งบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ ด้วยดวงไฟระยิบระยับ และต้นคริสต์มาสยักษ์กลางจัตุรัสแมนเจอร์ รวมถึงไม่มีขบวนวงโยธวาทิตในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเป็นปีที่ 2 นับจากอิสราเอลเปิดฉากสงครามกวาดล้างฮามาสในฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 และจะมีการประกอบพิธีทางศาสนาเท่านั้น ขณะที่ตำรวจปาเลสไตน์กระจายกำลังรักษาความปลอดภัยโบสถ์พระคริสต์สมภพ
ยิ่งกว่านั้นยังแทบไม่มีนักท่องเที่ยวให้เห็น แม้ที่ผ่านมามีหลายพันคนจากทั่วโลกหลั่งไหลมาร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
อันโตน ซัลแมน นายกเทศมนตรีชาวปาเลสไตน์ของเมืองเบธเลเฮม ยังคงส่งสารแห่งความหวังในดินแดนแห่งนี้ โดยบอกว่า ถ้าไม่มีความหวัง พวกเขาจะไม่สามารถรอดชีวิตได้ แต่ก็เรียกร้องให้ประชาคมโลกหาทางยุติความทุกข์ยากของชาวปาเลสไตน์ ยุติการยึดครองของอิสราเอล และคืนสิทธิและโอกาสให้ชาวปาเลสไตน์ได้มีอัตลักษณ์, เอกราชและเสรีภาพ รวมถึงคุ้มครองพวกเขาจากอันตราย ที่เกิดขึ้นจากการยึดครองยาวนานโดยอิสราเอล
และตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งปีของสงครามในฉนวนกาซา มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 45,000 ราย และการท่องเที่ยวในอิสราเอลและเขตเวสต์แบงก์ตกลงอย่างมาก นอกจากนี้หลังจากอิสราเอลห้ามชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่จาก 150,000 คน ในเวสต์แบงก์กลับเข้าไปทำงานในอิสราเอล ทำให้เศรษฐกิจของปาเลสไตน์หดตัว 25% ในปีที่แล้ว