svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ศึก “อิสราเอล-อิหร่าน” อาจขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งสหรัฐฯ

วงจรแห่งการล้างแค้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ อาจขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่อิสราเอล คาดหวัง โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะ

ภายหลังจากอิสราเอลโจมตีทางอากาศทำลายเป้าหมายทางทหารของอิหร่าน ส่งผลให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย เมื่อวันเสาร์ (26 ตุลาคม) ทำให้หลายฝ่ายจับตาว่า อิหร่านจะตอบโต้กลับอย่างไร และสหรัฐฯ รีบออกมาปรามอิหร่านทันทีว่า อย่าทำสิ่งผิดพลาด

การโจมตีของอิสราเอลมุ่งตอบโต้ที่อิหร่านระดมยิงขีปนาวุธราว 200 ลูก ใส่อิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม แต่อิสราเอลไม่แตะต้องโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังเผชิญแรงกดดันและคำเตือนจากสหรัฐฯ ที่บอกให้ตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อก็พอ และหลีกเลี่ยงเป้าหมายดังกล่าว

ล่าสุดอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน กล่าวในวันอาทิตย์ว่า อิหร่านกำลังประเมินว่าจะตอบโต้ด้วยวิธีใดเพื่อให้อิสราเอลตระหนักถึงพลังและแสนยานุภาพของอิหร่าน และบอกด้วยว่า การโจมตีของอิสราเอลที่เกิดขึ้นไม่อาจดูแคลนหรือยกย่องเกินจริง

นอกจากนี้แม้กองทัพอิหร่านประกาศจะล้างแค้นต่ออิสราเอลเมื่อถึงเวลาเหมาะสม แต่ก็ส่งสัญญาณว่าให้ความสำคัญมากกว่ากับสันติภาพในตะวันออกกลาง และการหยุดยิงในฉนวนกาซาและเลบานอน ที่เผชิญการโจมตีอย่างหนักหน่วงจากอิสราเอลในขณะนี้ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า อิหร่านอาจเอาคืนอย่างจำกัดแบบเดียวกับปฏิบัติการยิงขีปนาวุธและส่งโดรนถล่มอิสราเอลเมื่อเดือนเมษายน

ทั้งอิสราเอลและอิหร่านต่างจับตาผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ว่า ทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ ต่อตะวันออกกลางจะเป็นอย่างไร ขณะที่ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล อยากเห็นอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีนโยบายแข็งกร้าวต่อิหร่านมากกว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ชนะเลือกตั้ง

ศึก “อิสราเอล-อิหร่าน” อาจขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งสหรัฐฯ

และการวางหมากต่อไปของเนทันยาฮูเพื่อต่อสู้กับทั้งฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ และอิหร่าน อาจขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ขณะที่ทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเนทันยาฮูในสมัยที่อยู่ในทำเนียบขาว

แต่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ส่งสัญญาณย้อนแย้ง โดยมีทั้งกระตุ้นให้เนทันยาฮูทิ้งระเบิดโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน จนถึงวิจารณ์เนทันยาฮูว่า เหตุการณ์ฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 จะไม่เกิดขึ้น หากเขาเป็นประธานาธิบดี และเขาจะกดดันให้อิสราเอลยุติสงคราม

นักวิเคราะห์ เชื่อว่า ด้วยทรัมป์ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ บวกกับสโลแกนทำให้ “อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” เนทันยาฮู เชื่อว่า ชัยชนะของทรัมป์จะทำให้เขามีอิสระมากกว่าในการเดินหน้าทำสงครามในฉนวนกาซาและเลบานอนต่อไป ประกอบกับที่ผ่านมาพรรคเดโมแครตมีนโยบายที่กดดันเขามากกว่า

แฮร์ริสมีจุดยืนมาอย่างยาวนานในการสนับสนุนแนวทาง 2 รัฐ เพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ และเรียกร้องให้อิสราเอลยุติสงครามในกาซา ส่วนทรัมป์ยืนยันสนับสนุนอิสราเอลอย่างหนักแน่น แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะยุติสงครามในกาซาอย่างไร

ขณะที่นักวิเคราะห์ มองว่า ชาวปาเลสไตน์ไม่ไว้ใจผู้สมัครทั้งสองคน และเห็นว่าทั้งคู่แทบไม่มีความแตกต่าง เพราะนโยบายของสหรัฐฯ ชัดเจนว่า สนับสนุนอิสราเอล