ทั้งหมดนี้ คือถ้อยแถลงบางส่วนในการแถลงข่าวของจาซินดา อาร์เดิร์น ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของนิวซีแลนด์ ตอนที่ได้รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ปี 2560 เธอมีอายุเพียง 37 ปี และเป็นหนึ่งในผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นผู้นำคนที่ 2 ของโลก ที่ตั้งครรภ์ระหว่างการดำรงตำแหน่ง (คนแรกคือ อดีตนายรัฐมนตรีเบนาซีร์ บุตโต ของปากีสถาน) สามีของเธอคือ คล้าก เกย์ฟอร์ด พิธีกรชื่อดัง แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้เข้าพิธีสมรสกันอย่างเป็นทางการ เพราะเธอต้องยกเลิกกำหนดวันแต่งงานเหตุเพราะการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังการลาออกเธอได้หันไปบอกเกย์ฟอร์ดว่า "ในที่สุดเราก็จะได้แต่งงานกันเสียที"
การลาออกของอาร์เดิร์นจะมีผลในวันอาทิตย์ (22 มกราคม 2566) ถ้าพรรคแรงงานสามารถเลือกคนที่จะมาแทนที่เธอได้ หรืออาจจะเป็นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ถ้ากระบวนการถูกยกเลิก เธอบอกว่าหวังจะพบพลังและแรงใจในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเพื่อทำงานต่อไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้...
"ดิฉันเป็นมนุษย์ นักการเมืองก็เป็นมนุษย์ เราให้ทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้ นานเท่าที่เราจะให้ได้ มันถึงเวลาแล้ว สำหรับดิฉัน เวลานั้นมาถึงแล้ว"
นิตยสาร Fortune ได้จัดอันดับผู้นำที่ยิ่งใหญ่สุดของโลก 50 คน เมื่อปี 2564 และเลือกอาร์เดิร์นเป็นอันดับ 1 เพราะแสดงให้ความสามารถในการนำพาประเทศฝ่าวิกฤตการก่อการร้าย เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2562 เมื่อชายคลั่งผิวขาวใช้ปืนยิงถล่มในมัสยิดเมืองไครสเชิร์ช ทำให้มีผู้เสียชีวิต 51 คน อาร์เดิร์นได้ไปที่มัสยิดและสวมผ้าคลุมศีรษะสวมกอดผู้ที่สูญเสีย ซึ่งภาพนี้ถูกฉายขึ้นตึกเบิร์จ คาลิฟา ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกที่ดูไบ เพื่อแสดงความขอบคุณ หลังเกิดเหตุเพียง 3 วัน อาร์เดิร์นได้ผลักดันกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ที่เป็นการทำงานที่รวดเร็วได้ใจประชาชน
แต่เมื่อถึงเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ก็เกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดที่เกาะไวท์ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน เป็นนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียกับสหรัฐฯ ซึ่งอาร์เดิร์นได้นำคณะรัฐมนตรีไปไว้อาลัยผู้เสียชีวิตและดำเนินการช่วยเหลือโดยเร่งด่วน
พอถึงช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 อาร์เดิร์นดำเนินการที่จะหาทางกำจัดไวรัสให้หมดไป ตอนนั้นนิวซีแลนด์ซึ่งมีประชากรเกือบ 5 ล้านคน มีคนติดเชื้อ 2,700 คน และเสียชีวิต 26 คน ต่อมาในปี 2563 อาร์เดิร์นและคณะรัฐมนตรีลดเงินเดือนตัวเอง 20% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สวนทางกับการแก้ปัญหาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ล่าช้าและผิดพลาดจนทำให้สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นอันดับ 1 ของโลก
Fortune ยกย่องอาร์เดิร์นว่าเป็นผู้นำสไตล์ "เห็นใจคนอื่น" ขณะที่เวทีการเมืองระหว่างประเทศยกย่องเธอว่าในฐานะผู้ที่ใช้แนวทางสดใหม่และเข้าใจผู้คน... แนวคิดทางการเมืองของเธออยู่ในกลุ่มหัวก้าวหน้า เชื่อในรัฐสวัสดิการ, ความเท่าเทียมของมนุษย์,เพศสภาพ และสภาพสังคมที่หลากหลายเป็นพหุวัฒนธรรม เมื่อนิกายมอร์มอนปฏิเสธเรื่องเกย์และการแต่งงานของเพศเดียวกัน เธอตัดสินใจทิ้งนิกายนี้และประกาศตัวเป็นคนไม่เชื่อในศาสนาโดยทันที ขณะที่ Harvard University นำเอาคุณลักษณะการบริหารงานของเธอไปเป็นกรณีศึกษาในประเด็นผู้นำทางการเมือง... ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอคือผู้นำที่หลายประเทศต่างอิจฉา อยากให้เธอมาเป็นผู้นำของประเทศตัวเอง