4 เมษายน 2568 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะประชุมคดีพิเศษ กรณี อาคาร สตง. ที่กำลังก่อสร้าง ถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหว
ด้าน พันตำรวจเอกทวี เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีการตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมาแล้ว 36 คน ในการสอบสวนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่จะมีการรวบรวมพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุ ในการหาสาเหตุของเรื่องนี้นอกเหนือจากเรื่องของภัยพิบัติ อีกทั้งยังต้องตรวจสอบเรื่องของงานทะเบียนของบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในเมืองไทยว่าถูกต้องหรือไม่ด้วย
พันตำรวจตรี ยุทธนาเปิดเผยว่า หลังจากที่ DSI รับ กรณีเหตุตึก สตง.ถล่มหลังแผ่นดินไหว ซึ่งรับเป็นคดีพิเศษในความผิด ว่าด้วยการเสนอราคาต่อรัฐ ส่วนการประกอบธุกิจของคนต่างด้าว ทางเราก็จะดูควบคู่ไปด้วย ซึ่งประเด็นนี้จะไปตรวจสอบคนไทยที่ถือหุ้นว่ามีการถือหุ้นโดยอำพรางหรือไม่
เบื้องต้นไปตรวจสอบที่บ้านของนายประจวบ ศิริเขตร ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ถือหุ้น 102,000 หุ้น ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ประเทศไทย จำกัด คิดเป็น 10.2% เมื่อไปตรวจสอบที่บ้านไม่เจอตัว แต่ได้สอบสวนภรรยา นายประจวบออกจากบ้านไป 2-3 วัน ก่อนที่ตำรวจจะมา
ทราบว่านายประจวบ มีรายได้น้อยมาก ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน จากการทำงานรับจ้างก่อสร้าง ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ทำให้เชื่อว่า ข้อมูลนายประจวบ ไม่สอดคล้อง และยังพบว่ายังไปถือหุ้น นิติบุคคลอีก 10 บริษัท มีแนวโน้มว่าเป็น นอมีนี หรือ การถือหุ้นอำพรางส่วนผู้ถือหุ้นคนอื่นอยู่ระหว่างการติดตามตัว
นางสาวกนกไรวินท์ บุรินทร์นันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบบัญชี ระบุว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เดิมที่ก่อตั้งมีผู้ถือหุ้นทั้ง 3 คน เป็นนิติบุคคลก่อน และในช่วงแรก นายมนัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 306,000 หุ้น ในวันแรก จากนั้นค่อยโอนให้ นายโสภณ มีชัย จนเหลือแค่ 3 หุ้นเท่านั้น ส่วนนายโสภณ มี 407,997 หุ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตามว่าเป็นการโอนหุ้นแบบปกติหรือไม่
รวมถึงจะตรวจสอบว่า บุคคลทั้ง 3 ยังไม่เคยประกอบอาชีพในการรับเหมาก่อสร้างมาก่อน แต่กลับเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นขนาดใหญ่แบบนี้และรับงานภาครัฐได้อย่างไร
จากตรวจสอบเจอทั้งหมด 29 โครงการ ทั้วประเทศ เป็นเงิน 22,000 ล้านบาท อีกทั้งนานโสภณยังเป็นผู้บริหารกับคนจีนอีก 1 คน ซึ่งประเด็นนี้จะไปตรวจสอบเช่นกัน
ด้าน ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดี ดีเอสไอ บอกว่า บริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ อ้างตัวว่าเป็นไทย แต่ไม่มีประสบการณ์และมาร่วมกับบริษัทไทย มาร่วมประมูล ซึ่งต้องดูว่าคนไทยรู้เห็นเป็นใจหรือไม่และเอกสารมันเท็จหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบ รวมถึงจะมุ่งไปดูประเด็น การทำกิจการร่วมค้าของที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ร่วมค้ากับนิติบุคคลของไทย 11 บริษัท โดยเฉพาะตึก สตง. ที่บริษัท อิตาเลียนไทย ร่วมกับ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ว่าเป็นกิจการร่วมค้าในการประมูลอาคารดังกล่าว โดยจะขอเวลา ประมาณ 2 เดือน ในการตรวจสอบว่าเอกสารทั้งหมด ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ และ 29 โครงการที่ร่วมกับบริษัทไทย ที่รับงานโครงการจากรัฐบาลไปทำ ว่าทำไมถึงต้องอำพราง ทั้งที่เป็นคนไทย แต่ไม่ประมูลเอง ทำไมถึงต้องร่วมกับมีชื่อเสียงในการทำให้รัฐเชื่อมั่นและร่วมลงทุน
ส่วนที่ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ร่วมกับ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย ที่ไปประมูล ตึก สตง. ในราคา 2,136 ล้านบาท จากราคากลาง 2,500 บาท มองว่าเป็นการฟันราคาเจ้าอื่นหรือไม่ และต้องดูข้อเท็จจริงว่าใช้เหตุผลอะไรทำให้รัฐหลงเชื่อและใช้บริการ
ส่วนรายละเอียดการถือหุ้นของ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ยังมีการถือหุ้นนิติบุคคลมีที่ตั้งเดียวกัน 8 บริษัท ได้แก่
2.นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 407,997 หุ้น และถือหุ้นนิติบุคคล 4 บริษัท
3.นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 102,000 หุ้น และถือหุ้นนิติบุคคล 7 บริษัท
4.นายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 3 หุ้น และถือหุ้นนิติบุคคล 10 บริษัท
รายชื่อกิจการร่วมค้าบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมทำโครงการก่อสร้างของหน่วยงานรัฐ มี 11 บริษัท
รวม 29 โครงการ มูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท (22,773,856,494.83)