27 มีนาคม 2568 ที่ริมถนนด้านหน้าแดนเนรมิตเก่า ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. "จ่าคิงส์ แตงทิม" อดีต สห.ทอ. พา "นาย อ." เจ้าของร้านซาลาเปาแห่งหนึ่ง ย่านโชคชัย 4 กทม. เข้าขอคำปรึกษาที่กองปราบฯ กรณีโดนเจ้าหนี้เงินกู้ขู่จะอุ้มไปเขมรและฆ่า จากยอดเงินกู้ 7 หมื่นบาท กลายเป็น 3 แสนบาท
นาย อ. เล่าว่า ตนมีอาชีพเปิดร้านขายซาลาเปา ตั้งอยู่ภายในซอยโชคชัย 4 เมื่อปี 2566 มีความจำเป็นต้องใช้เงินรักษาโรคไตระยะสุดท้าย ที่ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อนแนะนำให้รู้จักคนปล่อยเงินกู้นอกระบบ โดยคิดดอกเบี้ยลอย จึงตัดสินใจกู้เงินนอกระบบจากเจ้าหนี้รายหนึ่ง จำนวน 70,000 บาท ก่อนผ่อนชำระคืนวันละ 700 บาท
ต่อมา เจ้าหนี้แจ้งมาว่าตนมียอดหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 300,000 บาท โดยไม่ทราบที่มาของยอดหนี้ที่เพิ่มขึ้น ก่อนจะถูกเจ้าหนี้ข่มขู่และคุกคาม จนไม่กล้าเปิดร้านออกมาขายของทำมาหากินได้ 2 -3 สัปดาห์แล้ว ทั้งนี้เจ้าหนี้ได้โทร.และส่งข้อความไลน์ มาข่มขู่อ้างว่าเงิน 300,000 บาท มาจากการที่เขาไปค้ำประกันหนี้ที่ไปกู้จากที่อื่น แต่กลับเอามาให้ตนรับผิดชอบแทน ตนยืนยันว่าไม่ได้รับรู้เรื่องดังกล่าว
ทั้งที่ตนได้พยายามจ่ายหนี้โดยการโอนเงินให้วันละ 200 บาทมาตลอดทุกวัน มีขาดส่งไปบ้างบางวันที่มีอาการเจ็บป่วยเท่านั้น ผ่อนด้วยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร 2 ชื่อบัญชี และจดบันทึกจำนวนไว้ทุกครั้ง นับรวมแล้วจ่ายชำระไปทั้งสิ้น 213,239 บาท ทั้งที่เงินต้นเพียง 70,000 บาทเท่านั้น แต่ยอดหนี้กลับเพิ่มขึ้นมากมายเช่นนี้ ตนจึงต้องเข้าขอความช่วยเหลือจาก จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ เพื่อพามาขอคำปรึกษาที่กองปราบปรามในวันนี้
"จ่าคิงส์ แตงทิม" เผยว่า จากกรณีดังกล่าว การที่เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และเจ้าหนี้ข่มขู่และคุกคามลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้อ้างยอดหนี้ที่ลูกหนี้ไม่ได้รับรู้ ลูกหนี้จึงขอให้เจ้าหนี้รับเงินต้นคืน และหยุดคิดดอกเบี้ย เมื่อถูกข่มขู่ว่าจะอุ้ม จึงต้องมาขอความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ
ซึ่งการกระทำของเจ้าหนี้อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 และกฎหมายอาญาเกี่ยวกับการข่มขู่และคุกคาม นายอ้วนควรเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เช่น สัญญาเงินกู้, หลักฐานการโอนเงิน, ข้อความข่มขู่, และบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการดำเนินคดี
การเข้าปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองปราบปรามควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการให้ข้อมูลและหลักฐาน กรณีที่เจ้าหนี้มีการอ้างว่ามี "เสธฯ" ทหารนายหนึ่ง เป็นแบ็ค ควรให้ข้อมูลนี้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบ การที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้ไปค้ำประกันหนี้ของคนอื่นโดยที่ลูกหนี้ไม่รู้เห็นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนนี้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องก่อนหาทางช่วยเหลือตามกฎหมายต่อไป