10 มกราคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์เฉลิมพันธ์ผบก.ปปป., พ.ต.อ.สมศักดิ์ เนียมเล็ก ผกก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.
นำกำลังจับกุม นายวิชญุตม์ อายุ 47 ปี นายอำเภอแห่งหนึ่ง จ.กระบี่ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
และจับกุม นางอุไรวรรณ อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงานฯ อำเภอแห่งหนึ่ง จ.กระบี่ ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือน พ.ค.67 บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง ได้รับดำเนินการก่อสร้างโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่พักข้าราชการอำเภออำเภอแห่งหนึ่ง จ.กระบี่
ต่อมาได้ถูก นายวิชญุตม์ นายอำเภอแห่งหนึ่ง จ.กระบี่ ขอเรียกเก็บเงินจำนวน 50,000 บาท จากการที่ได้รับเลือกก่อสร้างโครงการดังกล่าว พร้อมกับให้ ผู้ใหญ่บ้านม. 5 ต.โคกยาง โทรศัพท์มาบอกผู้เสียหายซึ่งเป็นหุ้นส่วนของบริษัทดังกล่าวว่า หากไม่ยอมย่ายเงินก็ให้ลาออกจากการเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสีย
ทางผู้เสียหายจึงมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะทำถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย จึงนำเรื่องเข้าร้องต่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ พนักงานสอบสวน บก.ปปป. จนมีการวางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินส่วนหนึ่งไปส่งมอบให้นายวิชญุตม์ ตามที่ร้องขอ
แต่ในวันที่นัดหมายส่งมอบเงินนั้น นายวิชญุตม์ ได้วางแผนสับเปลี่ยนเลี่ยงตรวจสอบ โดยให้ผู้เสียหายนำเงินไปส่งมอบให้กับ นางอุไรวรรณเจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงาน เป็นผู้รับเงินแทน ก่อนจะมีการนำไปส่งมอบต่อให้กับ นายวิชญุตม์ ในภายหลัง เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆขออำนาจศาลออกหมายจับจนนำมาสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ดังกล่าว
สอบสวนทั้งคู่ยังคงให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเบื่องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปปป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ความผิดดังกล่าว เกิดจากการกระทำส่วนบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต้นสังกัด
ดูคลิป