10 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ พมจ.อุดรธานี นำ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ชาวอุดรธานี และ ป้า อายุ 41 ปี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ภาราศี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ว่า น.ส.เอ ถูกแม่แท้ ๆ อายุ 38 ปี ให้สามีใหม่ อายุ 60 ปี หรือพ่อเลี้ยง ข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่ อายุ 11 ขวบ ขณะนั้น เรียนอยู่ชั้น ป.6 เรื่อยมา จนถึงอายุ 15 ปี กระทั่งพ่อชาวอังกฤษเสียชีวิต และไม่มีที่พึ่งจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวให้ป้าฟัง ทางญาติจึงร้องเรียนไปยังมูลนิธิเป็นหนึ่ง เพื่อขอให้ "คุณต้นอ้อ" ช่วยเหลือ
"ต้นอ้อ" ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ( 9 ม.ค.2568) ป้าของ น.ส.เอ ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหา และเล่าให้ฟังว่า น.ส.เอ หลานสาวถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ พร้อมกับส่งคลิปที่หลานเล่าให้น้าชายตนฟังว่าโดนกระทำอะไรมาบ้าง เพราะพ่อของน้อง ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ อายุ 71 ปี เพิ่งเสียชีวิตไป ทำให้น้องไม่มีที่พึ่ง และอยากหลุดพ้น ซึ่งได้ส่งแชทที่น้องคุยกับพ่อเลี้ยง คุยกับแม่มาให้ดู จึงถามว่า เขาเริ่มทำอย่างไร โดยพ่อเลี้ยงเริ่มเข้ามาจับเนื้อต้องตัว เรียกเข้าไปในห้อง ครั้งแรกไม่สำเร็จ ซึ่งน้องก็กลัวและร้องไห้ จึงไปเล่าให้แม่ฟัง แต่แม่กลับตอบว่ารู้อยู่แล้ว เพราะว่าแม่เป็นคนวางแผนไว้กับพ่อเลี้ยงว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้
ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เล่าต่อว่า น้องเป็นลูกครึ่ง มีสติเล่าทุกอย่างให้ฟัง ต่อมาวันที่ทำเสร็จคือ พ่อเลี้ยงพาไปเที่ยว จากนั้นก็พาเข้าโรงแรม น้องจำชื่อโรงแรมไม่ได้ แต่จำทางไปโรงแรมได้ หลังจากกลับบ้านก็ไปบอกแม่ ซึ่งแม่ก็บอกว่า “ไม่เป็นไร เพราะแม่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้” น้องก็ได้แต่ร้องไห้ แต่ก็บอกใครไม่ได้ ก็ต้องยอม พอหลังจากนั้น แม่ก็เริ่มให้น้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้บ่อย ๆ เพื่อให้น้องไปหลอกเอาเงิน ครั้งละ 1,000 บาท หรือ 1,500 บาท เอาเงินมาให้แม่ ตรงนี้ยังคิดว่าเข้าข่ายค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่
"ส่วนเรื่องการคบซ้อน" ได้สอบถามน้องด้วยว่า พ่อชาวอังกฤษรู้ หรือไม่ว่ าแม่คบซ้อนกับผู้ชายคนนี้ ซึ่งครั้งแรกไม่รู้ แต่ระยะหลังรู้ พ่อสร้างบ้านให้เป็นชื่อแม่ ซื้อรถหลายคันเป็นชื่อแม่ แต่เอาบ้านไปจำนอง ขายรถ เอาไปเล่นการพนัน ครั้งสุดท้ายที่พ่อเลี้ยงข่มขืนคือก่อนปีใหม่ ตอนที่พ่อฝรั่งนอนไม่ได้สติแล้ว ทำที่บ้านของพ่อเลย แม่ก็ไม่ว่าอะไร น้องอยากหลุดพ้น น้องกลัวเขามาทำอีก วันที่พ่อไม่อยู่แล้ว น้องอยากได้ศพพ่อออกมาทำพิธีทางศาสนา ไม่อยากให้พ่อนอนอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว น้องเคยถามแม่ว่าไม่รักหนูเหรอ หรือแค่ให้อาศัยท้องมาเกิดแค่นั้น
"ต้นอ้อ" กล่าวต่อว่า เมื่อฟังเรื่องราวแล้วตนต้องช่วยเด็กคนนี้ "มันมีเหรอที่ยอมให้ชู้มาข่มขืนลูกตัวเอง แลกกับเงิน 1,000-1,500 บาท คนอะไรจะเลวได้ขนาดนั้น มันไม่มีความเป็นคน ต้องถูกข่มขืนตอนที่พ่อนอนจะเสียชีวิตอยู่แล้ว ตั้งแต่ทำเคสมา ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ รู้สึกหดหู่ ต้องเจอแม่ที่เลวขนาดนี้ เมื่อเช้าตนต้องกอดน้อง และบอกว่าให้คิดว่าเราเป็นแม่ น้องก็กอดเราร้องไห้ สงสารน้องมาก ตัวแค่นี้ต้องโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้ ส่วนเรื่องของศพพ่อน้อง ก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้"
ด้านป้าสะใภ้ อายุ 50 ปี เล่าว่า แม่ของน้องอายุ 15 ปี แต่งงานกับสามีชาวอังกฤษ ต่อมาสามีชาวอังกฤษอยากมีลูก จึงบอกฝ่ายหญิงว่าถ้ามีลูกจะยกสมบัติให้ทั้งหมด ฝ่ายหญิงจึงตกลงมีลูกด้วยการทำกิ๊ฟจนได้ น.ส.เอ ต่อมาสามีชาวอังกฤษได้ซื้อบ้านที่ อ.เมืองอุดรธานี ซื้อรถยนต์อีกหลายคน ให้เป็นชื่อฝ่ายหญิงทั้งหมด
ต่อมาสามีชาวอังกฤษล้มป่วย ฝ่ายหญิงได้คบชู้ ทำงานที่รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี โดยไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน ปล่อยให้ น.ส.เอ อยู่กับพ่อ ที่ป่วยติดเตียง แต่ก็ไปมาหาสู่ทั้งสองบ้าน กระทั่งมีลูกชายกับชู้ 1 คน ญาติก็เห็นว่าดำเนินชีวิตตามปกติ ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว กระทั่งวันที่ 4 มกราคม 2568 ได้ไปเยี่ยมพ่อ น.ส.เอ ที่บ้าน ก็ยังนอนป่วยหนัก ไตไม่ทำงาน ตัวบวม และตกกลางคืนก็เสียชีวิต
ญาติมารู้เรื่อง เพราะน้องคิดว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ไม่มีคนที่จะอาศัย หรือเป็นที่พึ่งได้ น้องมีอาการผวา น้องทักแชทไปถามญาติว่า จะทำอย่างไรกับชีวิต จะมีคนช่วยหนูได้หรือไม่ ญาติจึงปลอบว่าให้บอกมาเลยญาติช่วยได้ ป้าและน้าจะช่วย ถ้าไม่สู้ก็จะเป็นเหมือนเดิม น้องก็เลยเล่าให้ฟังว่าโดนพ่อเลี้ยงข่มขืน และแม่ก็รู้ ญาติๆ รู้สึกเสียใจที่แม่ปล่อยให้พ่อเลี้ยงกระทำกับลูกตัวเองแบบนี้ เพราะญาติทุกคนรักน้อง พากันเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เรียนอยู่ ป.1- ป.2 เห็นว่าได้สามีฝรั่งก็ดีใจด้วย ไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบนี้ เห็นแต่ในข่าว ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับครอบครัวเราเอง
ทั้งนี้ ภายหลังแจ้งความแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ พมจ.ได้นำ น.ส.เอ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี จากนั้น ตำรวจจะมีการสอบปากคำ น.ส.เอ ร่วมกับสหวิชาชีพโดยละเอียด และจะออกหมายเรียกแม่ และพ่อเลี้ยง มาสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้านป้าของ น.ส.เอ อายุ 41 ปี เล่าว่า "อยากฝากถึงไอ้ผู้ชายคนนั้นที่มันทำกับหลาน ให้มันตายไปซะ อยากให้ตำรวจจับมาดำเนินคดีทั้งสองคน" ส่วนการดูแลหลานต่อไป จะให้หลานเลือกว่าจะอยู่กับใคร ญาติทุกคนพร้อมจะดูแล ซึ่งตลอดที่ผ่านมา พวกตนไม่ทราบเรื่องเลยว่า พวกเขาทำแบบนี้กับลูก รู้แต่ว่าเขาหวงและห่วงลูกมาก แต่กีดกันเราไม่ให้ญาติพบลูก เขาเคยไปขอเงินมารักษาแฟนฝรั่ง เมื่อก่อนญาติก็ให้ แต่มารู้ว่ามีสามีอีกคนก็ไม่ให้แล้ว เขายังมีลูกกับสามีใหม่อีก 1 คน เป็นผู้ชายอายุ 6 ขวบ ตอนแรกแฟนฝรั่งไม่รู้ และมาพึ่งรู้ จากนั้นก็แยกกันอยู่ ส่วนเรื่องเสพยา ญาติยืนยันว่า ฝ่ายหญิง หรือ แม่ของน้องเอ เสพยา ให้ตำรวจจับมาตรวจดูก็ได้