จากกรณีมีผู้ใช้บริการออนเซ็น ถูกขโมยบัตรเครดิตจากตู้ล็อกเกอร์ไปรูด จนเกิดความเสียหายมูลค่าหลายแสนบาท โดยพบมีเหตุการณ์ลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง และมีผู้เสียหายหลายคนออกมาโพสต์เตือนภัยนั้น
8 มกราคม 2568 พ.ต.ต.พงษ์สันต์ วิยะรันดร์ สว.สส.สน.ทองหล่อ นำกำลังชุดสืบสวนเข้าจับกุม น.ส.ธัญชนก อายุ 22 ปี บริเวณหน้าห้องที่คอนโดแห่งหนึ่ง พื้นที่คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 7 มกราคม 2568
ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้น ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น,ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่น แทนการชำระด้วยเงินสด
สืบเนื่องจากมีผู้กล่าวหาเข้าไปใช้บริการในออนเซ็น ลงทะเบียนชำระค่าบริการแล้วได้ริสแบน หมายเลข 47 สำหรับสแกนผ่านประตูอัตโนมัติ รวมถึงสแกนเพื่อรับผ้าขนหนูและชุดจินเบ และใช้สเแกนเปิดตู้ล็อกเกอร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้กล่าวหาเก็บกระเป๋าและบัตรเครดิตไว้ในล็อกเกอร์ ซึ่งประตูล็อกอัตโนมัติ เมื่อกลับมาที่ห้องล็อกเกอร์ใน 1 ชั่วโมงต่อมา พบว่ามีทรัพย์สินสูญหาย และวันต่อมาบัตรเครดิต 3 ใบ จาก 3 ธนาคาร ถูกนำไปใช้งานในช่วงเวลาที่แช่ออนเซ็นอยู่ จึงโทร. อายัดกับธนาคาร และรอผลการตรวจสอบ
ต่อมาผู้กล่าวหาไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีจากธนาคาร จึงมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน โดยแจ้งว่าได้รับความเสียหาย มีคนลักลอบนำบัตรเครดิตไปใช้ รวมมูลค่า 343,000 บาท
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนทำการสืบหาตัวผู้ต้องหา สอบปากคำผู้กล่าวหา สอบปากคำพยานร้านสปา บันทึกภาพที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุ หมายเรียกพยานไปยังธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบข้อมูลรายการบัญชี ผู้ใช้เครื่อง EDC (เครื่องอ่านบัตรเครดิต) กระทั่งนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ธัญชนก ที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ ได้ร่วมกับ "น.ส. น." หญิงชาวไทย และ "นาย อ." ชายชาวจีน ตีเนียนเป็นผู้ใช้บริการออนเซ็น จากนั้นใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่มีขายในแอปฯ ดัง นำการ์ดแม่เหล็กมาเปิดประตูล็อกเกอร์ที่ออนเซ็น ย่านทองหล่อ ก่อนฉกบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปทาบเครื่องรูดบัตรเครดิตแบบพกพา และกดยอดเงิน
จากนั้นจะสรุปยอดบัญชีแต่ละวันส่งให้เจ้าของเครื่องรูดบัตร ซึ่ง "น.ส. น." เป็นคนติดต่อเบิกเงินจากบัญชี โดยที่ "น.ส.ธัญชนก" ได้ส่วนแบ่ง 10% ส่วน "น.ส. น." ได้ 30%
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า "น.ส. น." และ "นาย อ." เดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก ช่อง 3, เฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก