24 ธันวาคม 2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ กลุ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้า “ดิไอคอน” ที่เคยแจ้งความคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ได้เดินทางมาพร้อมนำเอารายงานประจำวัน ผู้ที่เคยแจ้งความไว้ และขอถอนแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ส่งมอบให้สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่า มีความประสงค์ในการถอนแจ้งความ จึงอยากให้อัยการสูงสุด ดำเนินการให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนพิเศษ บันทึกสอบปากคำพยานทุกฝ่าย ที่เคยให้การไว้ใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสั่งคดีของพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีต่อไป
ซึ่งวันนี้กลุ่มตัวเเทนได้นำเอกสาร มายื่นประกอบการพิจารณา คือ
1.บันทึกประจำวันแสดงเจตนาขอให้การเพิ่มเติม เพื่อให้ตรงตามข้อเท็จจริง
2.เอกสารเป็นพยานให้บุคคลในคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป
3.เอกสารบันทึกแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ผู้ต้องหา เพิ่มเติม
4.เอกสารรับรองการประกันตัว นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล
โดยกลุ่มตัวแทน บอกว่า กลุ่มบุคคลที่มีความประสงค์จะถอนแจ้งความ ตอนนี้รวมตัวกันได้หลักร้อยคน ทุกคนยืนยันว่า การรวมตัวเพื่อร้องเรียนกรณีนี้ ไม่มีการถูกบังคับแต่อย่างใด ซึ่งทุกคนในตอนนั้นที่ตัดสินใจไปแจ้งความ สาเหตุเพราะเกรงกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย เนื่องจากเข้าใจผิดว่า ดิ ไอคอน กรุ๊ป เป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ถ้าไม่แจ้งความจะมีความผิดไปด้วย ทั้งที่จริงเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย สามารถสร้างรายได้ได้จริง และไม่ได้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าถ้าไม่แจ้งความจะมีความผิด จึงไปแจ้งความความกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รวมตัวกันไปถอนแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามปราบแล้ว แต่พนักงานสอบสวนไม่ให้ถอนแจ้งความ อีกทั้งยืนยันว่า ไม่ใช่แม่ข่ายของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป แต่อย่างใด ไม่ได้เป็นผู้เสียหายแต่เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการซื้อขายผลิตภัณฑ์ของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป เชื่อว่า ดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่เคยหลอกลวงพวกตนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่กลุ่มตัวแทนดังกล่าวจะเข้ายึดหลักฐานให้แก่ตัวแทนสำนักงานอัยการ โดยวันนี้มีกลุ่มตัวเเทนบางรายได้พบกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่มาร้องเรียนเรื่องคดีเเตงโมกับสำนักงานอัยการสูงสุด จึงไปสอบถามกรณีที่นายอัจฉริยะ เคยให้สัมภาษณ์กล่าวหาผ่านสื่อมวลชนว่า มีการรวมกลุ่ม โดยได้รับค่าจ้างคนละ 3,000 บาท ในการไปถอนแจ้งความ ดิ ไอคอน กรุ๊ป จึงเกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อย โดยปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ในสิ่งที่เคยถูกให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนไป
โดยนายอัจฉริยะตอบกลับเพียงว่า “มีอะไรก็ให้ไปฟ้องร้องตามกฎหมาย” ซึ่งกลุ่มตัวแทนก็ยืนยันว่า จะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการให้ตัวแทนไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะแล้ว