24 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า หลังจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย เสร็จสิ้นภาระกิจเวทีปราศรัย ที่ ตลาดภูสุวรรณ ต.มะขามหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เรียบร้อยแล้ว ได้เดินทางไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้าน ก๋วยเตี๋ยวช้างม่อย@ราชพฤกษ์ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
จากนั้นได้อวยพรเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2568 ว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ตนได้กลับมาบ้าน ด้วยความห่วงใย และอยากรับใช้พี่น้องคนไทยทุกคน เนื่องจากว่า ตนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตนถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เพราะฉะนั้นตนต้องทำหน้าที่ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ต้องทำงานรับใช้สังคมให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในปีใหม่ก็อยากจะขอให้กำลังใจพี่น้องคนไทยทุกคนว่า "ตนกลับมาแล้ว จะพยายามทำหน้าที่คนไทยให้ดีที่สุด เพื่อคนไทยทุกคนอย่างดีที่สุด ให้พวกเราได้พ้นจากทุกข์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเฉพาะทุกเรื่องเศรษฐกิจษฐกิจ ยาเสพติด หนี้สิน เราตกขบวนทางเทคโนโลยี ซึ่งอาจจะยังไม่ทันโลก เราจะช่วยกันทำให้ดีที่สุด ขอให้พี่น้องมีกำลังใจ เราจะก้าวไปด้วยกันอย่างมั่นคง ขอให้มีความสุขทุกคน" นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์อีกว่า การเมืองเชียงใหม่นั้น พรรคเพื่อไทยแข่งกับพรรคประชาชน เค้าอุตส่าห์จ้างตนวันละ 300 ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ก็ต้องทำให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยเหนือกว่าพรรคประชาชนอย่างไร การนำเสนอข้อมูลให้ประชาชน เพื่อนำไปตัดสินใจ เราต้องนำเสนอทั้ง 2 ด้านเพื่อให้ประชาชนได้รู้ ต้องเอาให้ชัดเจน บางครั้งอาจจะรุนแรง แต่พอพูดเป็นภาษาเหนือ ความรุนแรงก็จะลดลงมาก หากเป็นภาษาภาคกลาง ตนก็จะพูดพอดีไม่อยากให้ฟังรุนแรงเกินไป แต่พอเป็นภาษาเหนือมันก็พูดได้แรงหน่อย แต่อาจจะฟังดูอ่อนลง
ในส่วนเรื่องที่มีคนบอกว่า เชียงใหม่ไม่ใช่ของใคร จะมาขอคืนอะไรนั้น ตนมองว่าประเทศไทยไม่มีใครเป็นเจ้าของ คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศไทย คนเชียงใหม่ก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่คนเชียงใหม่เป็นผู้ที่เติบโตมาจากถิ่นฐานนี้ ตนไม่ได้หมายความว่า เราต้องแย่ง เพราะพรรคประชาชนหลายคนก็เป็นชาวเชียงใหม่ เพียงแต่ว่าอยากยืนยัน ให้เห็นว่าเราคุ้นเคยกว่า เราเข้าใจปัญหากว่า และเราเคยทำมาแล้ว และจะทำต่อไปให้ดีสุด เลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ ก็คงดุเดือน แต่พอหลังเลือกตั้งก็ไม่มีอะไร
สำหรับเป้าหมายในปีหน้า ทางนายกฯ ก็ตั้งเป้าจะปราบปรามยาเสพติด ก็ได้มีการมอบมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง งานเตรียมความพร้อมให้ครบวงจร รวมถึงเรื่องของการต่างประเทศ ทางท่านนายกฯก็ได้สั่งให้กระทรวงต่างประเทศประสานประเทศเพื่อนบ้านอย่างเต็มที่ ก็น่าจะเป็นการดีเดย์ครบวงจรทั้งระบบในปีหน้านี้ ปีหน้าสิ่งที่จะเห็นก็คือ การปราบปรามยาเสพติดที่แก้ไขอย่างเป็นระบบ และการพัฒนาคนทางด้านซอฟพาวเวอร์ในเรื่องของการสร้างเศรษฐกิจใหม่ ๆ
สำหรับการเมืองก็ไม่มีปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนเดิม อาจจะไม่เห็นด้วยกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันจนจบ จนครบเทอม หากไม่ครบก็จะเหลือประมาณสามถึงสี่วัน ว่ากันตามกติกา ส่วนการปรับคณะทำงานหรือไม่ก็แล้วแต่ท่านนายกฯ
คำวิจารณ์ที่ว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่นาน มันก็มี "ไอ้ห้อยไอ้โหนอยู่เยอะ" ก็ต้องดูตามหลักความเป็นจริง ทั้งนี้ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล บางครั้งการเขียนข่าวก็อาจจะมีการเติมเพิ่มขึ้น เชียร์ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ก็อาจทำให้เกิดความขัดแย้งเหมือนจะออกรบแต่จริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไร
อย่างที่ตนไปตีกอล์ฟกับ "อนุทิน" ก็เป็นข่าว เป็นเรื่องเป็นราว แต่ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไร ตนเป็นคนไม่มีความลับก็เลยไม่มีปัญหา ยิ่งตอนนี้ ตนไม่มีงานทำตกงานอยู่ก็สบาย
ทั้งนี้ นายทักษิณ ได้กล่าวถึงจังหวัดเชียงใหม่ว่า เมืองเชียงใหม่ในอดีตธุรกิจไม่ค่อยแข็งแรง คนมาลงทุนโปรเจคขนาดใหญ่ก็เสียหายไปมาก เพิ่งจะมาดูดีตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หลังจากนั้นก็แย่ลงมาเรื่อย ๆ จุดแข็งของเชียงใหม่มีอยู่สามเรื่องที่ต้องทำก็คือ เรื่องของธรรมชาติที่ต้องรักษาไว้ เรื่องฝุ่นควันต้องแก้แก้ไขให้ได้ เรื่องของวัฒนธรรมก็ต้องปรับปรุงให้เป็นเป็นมรดกโลกต่อไป เรื่องของคนเชียงใหม่เป็นคนที่มีน้ำจิตน้ำใจเป็นห้องรับแขกบ้านเมืองได้ การพัฒนาซอฟพาวเวอร์เชียงใหม่ด้วย
ส่วนชาวเชียงใหม่ที่บอกว่าตนไม่ค่อยได้มาเที่ยวนั้น ปีต่อไปตนคงมาบ่อยขึ้น ตอนนี้คล่องตัวขึ้น แต่ในช่วงแรกที่ผ่านมา งานเยอะ หลายคนไม่ได้เจอกัน 10 กว่าปีก็แวะมาหากัน ก็อาจจะเสียเวลาไปมาก บางวันมีนัดถึง 10 นัดจนลืมว่าตัวเองอายุ 75 ต่อไปก็อาจจะเที่ยวมากขึ้นแต่เที่ยวเพื่อมองหาว่ามีปัญหาอะไรบ้าง