24 ธันวาคม 2567 เวลา 10.30 น. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด องธัญบุรี จ.ปทุมธานี ยาย อายุ 78 ปี และ 68 ปี ลูกพี่ลูกน้อง เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังถูกคนร้ายสวมหมวกไอ้โม่งข่มขืน
โดยรายแรก ถูกข่มขืน เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2567 หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความทันที ส่วนรายที่2 ถูกคนร้ายข่มขืนเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2567 หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความทันที โดยยายทั้ง 2 ถูกคนร้ายสวมไอ้โม่งข่มขืนกลางทุ่งนากลางวันแสกๆ คาดเป็นคนร้ายคนเดียวกัน ตำรวจยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ ทำให้ผู้หญิง และชาวบ้านในหมู่บ้านต่างหวาดผวากัน
นอกจากนี้ ยังมีหญิงชราอายุ 70 ปี อีก 1 ราย เกือบจะตกเป็นเหยื่อ ยังดีที่มีชาวบ้านผ่านมาเห็นคนร้ายเลยรีบเผ่นหนี เกรงว่าผู้หญิงทั้งคนแก่และเด็กในหมู่บ้านจะเป็นอันตราย ชาวบ้านอยู่กันอย่างหวาดผวาไม่กล้าออกไปทำนา เลี้ยงวัวควาย ขอให้ช่วยติดตามคดี ลากคอโจรหื่นมารับโทษตามกฎหมาย
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้โทรศัพท์ประสาน พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พร้อมกล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ต้องให้ตำรวจเร่งจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากชาวบ้าน ผู้หญิง หญิงชรา และเด็กหวาดกลัวกันมาก คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า กลัวคนจะจำได้ และรู้เส้นทางพื้นที่เป็นอย่างดี อีกทั้งมีพยานบอกว่าช่วงเกิดเหตุเห็นชายต้องสงสัยลักษณะเดียวกันกับที่ยายแจ้งวนเวียนอยู่แถวนั้น พร้อมกันนี้ นางปวีณา ได้พายายผู้เสียหายทั้ง 2 คน ไปติดตามคดีกับ พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เพื่อขอให้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว
หญิงชรารายแรก อายุ 68 ปี กล่าวว่า ครอบครัวมีอาชีพทำนาปลูกข้าว เช้าวันที่ 8 ส.ค.2567 ยายกับสามี และน้องสาว ได้ออกไปเก็บต้นกล้าข้าวในที่นาท้ายหมู่บ้าน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งห่างจากบ้านไปประมาณ 500-600 เมตร ยายไปบริเวณนั้นเป็นครั้งแรก พอใกล้เที่ยงสามีกับน้องสาวได้กลับเข้าไปบ้านก่อน เพราะยายยังเก็บต้นกล้าข้าวไม่เสร็จจึงอยู่ที่นาคนเดียว จู่ๆ มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้าโผล่มาประชิดตัว รูปร่างผอม สูง สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงยีนส์ เข้ามาทำทีถามว่า "มีจอบเสียมให้ยืมไหม?"
จากนั้นคนร้ายก็บีบคอฉุดลากยายไปใกล้บ่อน้ำกลางนา ระหว่างนั้นคนร้ายก็ถามว่า "ยายมีเงินไหม? เอาเงินมาให้หมด" ยายกลัวมากบอกว่า "ไม่มี" และได้แต่ร้องขอชีวิตว่า "อย่าทำอะไรยายเลย" คนร้ายก็ข่มขู่ห้ามส่งเสียงดัง ให้อยู่นิ่งๆ แล้วถลกเสื้อยายขึ้นมาปิดหน้าไม่ให้ยายมองอะไร ก่อนจะลงมือข่มขืนยายจนสำเร็จความใคร่ แล้วคนร้ายก็ให้ยายหลับตาเป็นเวลา 10 นาที ยายก็ไม่กล้าลืมตา เพราะถูกข่มขู่ว่า ถ้าขัดขืนจะบีบคอให้ตายแล้วคนร้ายก็หลบหนีไป
ยายรีบใส่เสื้อผ้ากลับมาบ้านบอกสามีและลูกๆ พากันไปแจ้งความที่ สภ.บัวใหญ่ ทันที และก่อนหน้าที่ยายจะถูกกระทำประมาณ 2 สัปดาห์ ก็มียายคนหนึ่งในหมู่บ้าน อายุ 70 ปี ไปทุ่งนาเจอคนร้ายสวมไอ้โม่งลักษณะเดียวกันเข้ามาข้างหลังและจะเอาเงิน แต่พอดีมีชาวบ้านผ่านมาเห็นคนร้ายก็เลยรีบหนีไป ยายก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องกับตัวเอง หลังแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ ได้ส่งตัวยายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว
ที่ผ่านมา ในหมู่บ้านมีคนติดยาดมสารระเหยเยอะ ซึ่งอันตรายมาก ทุกวันนี้ยายเครียดจนนอนไม่หลับ หวาดกลัวไปกล้าไปนาอีก จนหมอต้องให้ยาคลายเครียดมากิน ผ่านมา 4 เดือน อยู่ไม่เป็นสุข เสียขวัญ ลูกหลานต้องพาไปรดน้ำมนต์ และยายก็ไม่กล้าอยู่คนเดียว เพราะตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ ยายจึงปรึกษากับยายวัย 78 ปี ที่ถูกข่มขืนอีกรายเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.67 พากันเดินทางมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี"
ด้านหญิงชรารายที่ 2 อายุ 78 ปี กล่าวว่า ยายกับผู้เสียหายรายแรกอยู่บ้านติดกัน วันเกิดเหตุ 14 ธ.ค.2567 เวลาประมาณ 11.00 น ยายไปนาเก็บข้าวตามปกติทุกวัน ห่างจากจุดเกิดเหตุรายแรกประมาณ 1 กม. จู่ๆ ก็มีคนร้ายเป็นชายประชิดตัวเข้ามาทางด้านหลังบีบคอยาย ข่มขู่ไม่ให้หันไปมอง จากนั้นก็ใช้หมวกผ้าที่ยายสวมใส่กันแดดปิดคลุมใบหน้ายายจนมองไม่เห็นอะไร คนร้ายได้ถามว่า "มีเงินไหม?" ในตัวยายมีเงินอยู่ 420 บาทมันก็ล้วงเอาไปหมด ยายบอกว่าจะไปแจ้งตำรวจมาจับ คนร้ายยังท้าทายบอกว่าไม่กลัว "ตำรวจทำอะไรไม่ได้ เพราะมันแค่มาหาปู"
จากนั้นคนร้ายก็บอกว่า "เอาซะหน่อย" ยายกลัวจนตัวสั่น คนร้ายได้ถอดกางเกงยายเอามามัดแขนยาย 2 ข้างไพล่หลัง แล้วบังคับให้นอนลงก่อนจะทำการข่มขืนยายจนสำเร็จความใคร่แล้วหลบหนีไป จากนั้นยายพยายามแก้มัดที่แขนจนหลุด แล้วรีบมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง และเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บัวใหญ่ทันที
"ก่อนหน้านี้รู้ข่าวยายคนแรกที่ถูกกระทำก็สงสาร ยายแก่มากแล้วไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องแแบนี้ขึ้นกับตนเอง ตอนนี้ผู้หญิง คนแก่ และเด็กต่างหวาดผวากันไปหมด ไม่กล้าไปทุ่งนา หรือไม่ไหนมาไหนคนเดียว เพราะมีข่าวอีกว่ามีหญิงแก่อีก 1-2 คนที่ถูกกระทำแต่อับอาย และหวาดกลัวไม่กล้าเข้าแจ้งความ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือยาย 2 คนด้วย"