17 ธันวาคม 2567 ที่ กองบัญชาการสอบสวนกลาง นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ พาน .ส.น้ำทิพย์ อายุ 45 ปีผู้เสียหาย เข้าร้องขอความเป็นธรรม กับพนักงานสอบสวน บช.ก. หลังลูกสาววัย 13 ปี ถูกรถเมล์ชนจนบาดเจ็บ ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ 8 เดือน แต่กลับไร้ความรับผิดชอบจากคู่กรณี
น.ส.น้ำทิพย์ กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 67 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ตนขับขี่รถจักรยานยนต์ไปทำธุระกับลูก บริเวณถนนสุขสวัสดิ์ 14 ได้เกิดอุบัติเหตุรถเมล์สาย 82 เกี่ยวแฮนด์รถของตนจนทำให้เสียหลักล้ม และลูกสาวก็ถูกรถเมล์ทับ ทำให้ขาหัก แขนหัก สะโพกแตก เชิงกรานหักต้องดามเหล็ก ไม่สามารถนอนปกติได้ จะต้องนอนที่นอนลูกโป่ง หลังจากนั้นก็ได้พาลูกสาวไปรักษาที่ รพ.บางกอก 9 แต่ลูกสาวมีอาการหนัก มีเลือดตกในช่องท้อง ซึ่งทาง รพ.บางกอก 9 ไม่สามารถรักษาได้ จึงประสานไปที่ รพ.จุฬาฯ เพื่อทำการรักษา
อีกทั้งในวันที่เกิดเหตุ ขณะที่พาลูกสาวตนไป รพ. ตำรวจก็ได้ติดต่อให้ตนเข้าไป สน.บางคอแหลม เพื่อไปลงบันทึกประจำวัน แต่เมื่อไปถึงแล้วก็พบว่า คู่กรณีได้ไปก่อนหน้าตนแล้ว ซึ่งการให้ปากคำก็พบว่า มีเพียงคู่กรณีเท่านั้นที่ได้ให้ปากคำกับทางตำรวจ แต่ไม่ได้มีการสอบปากคำตน และต่อมาก็ชี้ว่าตนเป็นฝ่ายผิด ในข้อหาขับรถโดยประมาท โดยตำรวจกล่าวว่าหากตนไม่เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ
หลังเกิดเหตุ ลูกสาวใช้เวลารักษาตัวร่วม 1 เดือน และกลับมารักษาตัวต่ออยู่ที่บ้านอีกเป็นเวลา 8 เดือน ทำให้ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ตลอดเวลาการรักษาคู่กรณีได้มาเยี่ยมลูกสาวตนเพียงครั้งเดียว และไม่เคยสอบถามหรือเยียวยาแต่อย่างใด แต่ก็มีตัวแทนของต้นสังกัดมาเยี่ยม และมอบเงินให้ 5,000 บาท โดยบอกว่าให้ใช้สิทธิ์รักษา 30 บาทรักษาทุกโรคไปก่อน เมื่อรักษาอาการบาดเจ็บหายแล้วค่อยมาว่ากัน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาเพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งค่ารักษาทั้งหมดตนจึงต้องสำรองจ่ายไปก่อน และยังติดค่าใช้จ่ายกับทาง รพ.จุฬาฯ อีกจำนวน 30,000 บาท
ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตนเครียด จนรู้สึกอยากชวนลูกไปฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม ในวันนี้จึงได้ประสานมายังจ่าคิงส์ เพื่อมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนและ บช.ก. เพื่อประสานไปยังตำรวจท้องที่ เพื่อให้ความเป็นธรรมในคดีนี้
สำหรับเด็กหญิงผู้เสียหายเป็นลูกครึ่งไทยแคเมอรูน ซึ่งคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพ ที่เคยมาค้าแข้งในประเทศไทยช่วงปี 51-55 แต่ตอนนี้ได้กลับไปอยู่ที่ประเทศไปแล้ว แต่ก็ยังมีการติดต่อกับภรรยาและลูกอยู่เสมอ และยังให้ความเป็นห่วงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น