svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ก.ยุติธรรม" แจง พักโทษ "บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง" เพราะเข้าเกณฑ์ ทั้งคู่

"กระทรวงยุติธรรม" ตั้งโต๊ะแถลงข่าว แจงกรณี พักโทษ "บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง" เพราะเข้าเกณฑ์ ทั้งคู่ส่วน "เสี่ยเปี๋ยง" ป่วยหนัก หลายโรครุมเร้า

6 ธันวาคม 2567 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อม นายสมบูรณ์ ศิลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยกทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นางกนกวรรณ​ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ และทีมผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ร่วมกันแถลงข่าว

 

กรณีการปล่อยตัวพักการลงโทษของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ผู้ต้องหากรณีคดีจำนำข้าวในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน ขณะนั้น

 

 

โดยมี นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมฟังการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย 

 

 

\"ก.ยุติธรรม\" แจง พักโทษ \"บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง\" เพราะเข้าเกณฑ์ ทั้งคู่

 

 

\"ก.ยุติธรรม\" แจง พักโทษ \"บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง\" เพราะเข้าเกณฑ์ ทั้งคู่

 

 

\"ก.ยุติธรรม\" แจง พักโทษ \"บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง\" เพราะเข้าเกณฑ์ ทั้งคู่

 

 

 

นายสมบูรณ์ กล่าวว่า หลักการบริหารโทษของกรมราชทัณฑ์หลังจากที่ศาลได้พิพากษาแล้วนั้น ไม่ได้อยู่เหนืออำนาจกฎหมาย หรืออยู่เหนืออำนาจศาล แต่ทุกอย่างดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งการพักโทษมี 2 กรณี คือ พักโทษกรณีปกติ และพักโทษกรณีพิเศษ

 

รวมเฉลี่ยแต่ละปีมีการพักโทษให้ผู้ต้องขังมากกว่า 20,000 ราย แต่ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ เนื่องจากจะขัดต่อหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่ในกรณีบุคลที่มีชื่อเสียงนั้น ทางสื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าว ทำให้การพักโทษของบุคคลที่มีชื่อเสียงปรากฏต่อสาธารณะ 

การพักโทษนั้น ไม่ใช่การพ้นโทษ ผู้ได้รับการพักโทษยังคงอยู่ระหว่างการต้องโทษ แต่กฎหมายต้องการให้ผู้ถูกคุมขังมีโอกาสใช้ชีวิต เพื่อปรับตัวเข้าสู่ในสังคม โดยมีคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณา รวมถึงกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ในการพักโทษ เช่น ต้องมารายงานตัวต่อกรมควบคุมประพฤติ เป็นต้น

 

แต่หากผู้ได้รับการพักโทษไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ก็จะต้องกลับสู่สถานที่คุมขัง ซึ่งในแต่ละปีมีผู้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข จนต้องกลับสู่สถานที่คุมขังเฉลี่ย 5% 

 

โดยในส่วนของ "นายบุญทรง" นั้น ได้รับการพักโทษกรณีปกติ หลังได้รับการอภัยโทษรวม 4 ครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายเหลือโทษจำคุก 10 ปี 8 เดือน แต่ "นายบุญทรง" ได้จำคุกมาแล้วเป็นเวลา 7 ปี 3 เดือน 10 วัน หรือรับโทษมาแล้ว 2 ใน 3 ทำให้เข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ 

 


ด้าน นายสมบูรณ์ ศิลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม กล่าวว่า ในส่วนกรณีของ "เสี่ยเปี๋ยง" จัดเป็นผู้ป่วยกลุ่ม 608 หรือมีอาการเจ็บป่วย 8 โรคร้ายแรง ได้แก่ โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โรคความดันโลหิตสูง โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับชนิดรุนแรง โรคต่อมลูกหมากโต โรคดูกสันหลังทับเส้นประสาท โรคฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมองตีบ

 

ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่า โรคเหล่านี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเสียชีวิตสูง ซึ่งเข้าเกณฑ์ได้รับพักโทษเป็นกรณีพิเศษ 


อีกทั้ง "เสี่ยเปี๊ยง" ยังรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หลังได้รับอภัยโทษมา 4 ครั้ง เหลือโทษ 21 ปี 11 เดือน 38 วัน จึงมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการเรือนจำ ซึ่งที่ประชุมมีมติ 8 ต่อ 0 เห็นว่า "เสี่ยเปี๋ยง" ควรได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษจากการเจ็บป่วยร้ายแรง โดยเฉพาะโรคไตวายเรื้อรังเป็นระยะสุดท้าย 

 

"เสี่ยเปี๋ยง" มีอาการผิดปกติมาตั้งแต่ปี 2565 จนแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีความเห็นว่าควรย้ายเสี่ยเปี๋ยงไปรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพมากกว่า นั้นคือโรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ "เสี่ยเปี๋ยง" ยังมีอาการติดเชื้อเป็นระยะ จนแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดีเห็นว่า "เสี่ยเปี๋ยง" ควรได้รับการปลูกถ่ายไต

 

ซึ่งเข้าเกณฑ์การพักโทษชัดเจน ก่อนจะส่งต่อให้คณะอนุกรรมการของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีทั้งหมด 19 คน เป็นบุคคลทั้งจาก "กรมราชทัณฑ์" "ตำรวจ" "ศาล" และ "กรมควบคุมความประพฤติ" เป็นผู้พิจารณาต่อไป 

 


ด้าน นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยกทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ให้ข้อมูล ว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกไตอยู่ 120 ราย แต่เป็นผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 15 ราย ซึ่งหากได้รับโทษครบ 1 ใน 3 ก็มีโอกาสได้รับการพิจารณาพักโทษเช่นกัน