เชื่อ "จัดฉาก-ล็อคเป้า" สังหาร สจ.โต้ง ชี้มีการ "วางแผนล่วงหน้า"

13 ธันวาคม 2567 ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ได้ประชุมคดี "สจ.โต้ง" โดยมี ตำรวจภูธรภาค 2 และ ตำรวจสอบสวนกลาง โดย ตำรวจกองปราบปราม นำโดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. นานกว่า 2 ชั่วโมง 

 

พล.ต.ท.อัคราเดช ให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า ผลการสอบสวนในคดีเรียบร้อยดี มีพยานหลักฐานที่สามารถทำการพิสูจน์ทราบต่อไปได้ ส่วนจะขยายผลถึงใครอยู่ระหว่างการสอบสวน

 

ขณะที่วิถีกระสุน จากการสอบสวน พบว่า เริ่มยิงกันที่ชั้น 2 ของบ้าน ส่วนการจำลองทั้งหมด ยังรอพิสูจน์หลักฐานรวบรวมวางแผนการจำลองมาให้ ส่วนจำนวนผู้ยิงมีกี่คนนั้นตำรวจทราบแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ทั้งนี้ กระสุนในบ้านที่พบ มีจำหลายจุด โดยเฉพาะชั้นล่าง บ้านหลังนี้มี 3 ชั้น เหตุเกิดชั้น 2 ซึ่งชั้นบน มีร่องรอยการถูกทำร้าย การยิง การใช้อาวุธ ส่วนชั้นล่างพื้นราบ มีปลอกกระสุนและเศษกระสุนจำนวนมาก

โดยจากการที่ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้วน่าเชื่อได้ว่า มีการตามลงมายิงจากชั้น 2 มาชั้น 1 ซึ่งวิถีกระสุนโดยละเอียด ว่ายิงในลักษณะไหน ยิงกดหรือยิงตรง อยู่ระหว่างรอผลการตควจพิสูจน์จากพิสูจน์หลักฐาน

เพราะมีการยิงจากในบ้านออกไปนอกบ้าน และนอกบ้านออกไปในบ้าน รวมถึงรอพิสูจน์หลักฐาน สรุปผลการตรวจสอบวงจรปิดด้วยว่าใช้ได้หรือไม่ มีข้อมูลอย่างไรบ้าง

มีการวางแผนมาก่อนหรือไม่ 

 

พล.ต.ท.อัคราเดช เผยว่า เชื่อว่า มีการวางแผนมาก่อน และวันนี้มีการประชุม ได้สั่งให้แจ้งจ้อหา ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งคำว่าร่วมกัน คือ มีการแบ่งหน้าที่ มีการวางแผนกัน  ส่วนรายละเอียดว่าใครทำหน้าที่อะไร อยู่ในสำนวนการสอบสวน และจนถึงขณะนี้ยังไม่ฟันธงว่าใครเป็นคนยิง

 

 

ส่วนมีการตกแต่งสถานที่ จัดวางทุกอย่างไว้แล้วหรือไม่นั้น 

 

พล.ต.ท.อัคราเดช บอกว่า ตำรวจได้ทำการสอบปากคำโดยละเอียดแล้ว และตั้งข้อสันนิษฐานว่า มีการเตรียมการไว้อย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่กำลังนำมาพิสูจน์ ซึ่ง 

 

ทุกอย่างมีการไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะมีการวางแผน มีการคิดไว้ก่อน ส่วนการบงการ ก็อยู่ในส่วนของการไตร่ตรอง ต้องมาดูสำนวนการสอบสวนว่า คนบงการมีแค่คนคนเดียวหรือมีทีมงานด้วย

ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหา พยายามจะปิดคดี โดยการเคลียร์พื้นที่ และทำลายพยานหลักฐาน มีข้อเท็จจริงนี้หรือไม่นั้น 

จากการตรวจสอบเบื้องต้น มีลักษณะพยายามเปลี่ยนแปลงสถานที่บางอย่าง แต่สิ่งที่ได้มาจากการสอบปากคำโดยละเอียด ทำให้สามารถมั่นใจว่า การทำคดี การสอบสวน เดินไปได้ถูกทิศทาง

    

เอาช่วงเวลาไหนไปวางแผน เป็นการวางแผนรอบ 2 ที่เดินกลับเข้ามาในบ้านหรือไม่นั้น 

 

พล.ต.ท.อัคราเดช ตอบว่า จากการประชุมกัน เชื่อว่าไม่ได้เป็นเหตุฉับพลันในวันนั้น น่าจะมีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อน คาดว่าก่อนวันเกิดเหตุ

 

มีการล็อกบ้าน ล็อกเป้ายิงเลยหรือไม่ 

 

พล.ต.ท.อัคราเดช เผยว่า น่าจะมีการตระเตรียมการไว้ก่อน ส่วนวางแผนมานานหรือไม่ต้องพิสูจน์ แต่พยานหลักฐานที่ได้มาไม่ได้เกิดเหตุในวันนนั้น ซึ่งพยานหลักฐานมาจากหลายส่วน

 

วันเกิดเหตุ สจ.โต้ง พยายามจะวิ่งหนีลงมา แล้วมือปืนตามมายิงใช่หรือไม่ 

 

พล.ต.ท.อัคราเดช ตอบว่า ลักษณะเป็นเช่นนั้น และมีการถูกยิงซ้ำ เพราะกูจากร่องรอยวิถีกระสุน ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่า สจ.โต้ง เห็นมือปืนปืนก่อน หรือมือปืนยิง สจ.โต้ง ก่อน

 

ส่วนการยิง สจ.โต้ง เปิดด้วยปืนลูกซองหรือไม่  

พล.ต.ท.อัคราเดช ตอบว่า ถ้าตามยุทธวิธีที่ตนเองฝึกมา จะต้องเปิดด้วยการยิงปืนลูกซอง เพื่อเป็นการยับยั้งเป้าหมายก่อน และจากนั้นจึงเลือกยิงเป้าหมายต่อ เชื่อว่าคนใช้ปืนมีความรู้ ต้องรู้ยุทธวิธี เปิดด้วยลูกซอง นัดแรกต้องหยุดก่อน นัดต่อไปค่อยเลือกยิง 

ส่วนเลือกยิงประชิดที่หัวหรือไม่นั้น รอตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานสรุป และจากการยิงจำนวนมาก คงไม่ปล่อยให้หลุดออกไปนอกบ้านได้แน่นอน ยืนยันว่า มีการล็อกเป้าไว้แล้ว

ทั้งนี้ มือปืน ออกมาจากห้องไหนนั้น ก็อยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ ใครจะพูดอะไรอะไรเรารับฟังแต่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน

 

พล.ต.ท.อัคราเดช ยอมรับว่า จุดที่เกิดเหตุที่สังหาร สจ.โต้ง ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่บริเวณด้านนอกมีตำรวจไปดูความปลอดภัยให้กับคนหลายคนในบริเวณนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ดูความปลอดภัยให้ใครบ้าง ทั้งบ้าน โกทร และความปลอดภัย สจ.โต้ง ผู้เสียชีวิต

   

ส่วนทำไมตำรวจถึงไม่ระงับเหตุ ทั้งที่อยู่ในที่เกิดเหตุ 

 

พล.ต.ท.อัคราเดช มองว่า ตำรวจเขาอยู่ด้านนอก และเชื่อว่า การมีเสียงปืนเกิดขึ้นแล้วยิงโต้ตอบ สันนิษฐานเบื้องต้นว่า เขาพยายามที่จะเข้าไประงับเหตุ ส่วนขั้นตอนเป็นอย่างไร ขอให้ทางคณะทำงานภาค 2 ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และตนเองยังไม่ทราบว่าตำรวจที่ไปด้วยมีชื่ออะไรบ้าง แต่ทราบว่ามีตำรวจประมาณ 4-5 ราย

 

ทั้งนี้ตำรวจสอบสวนกลางจะต้องรับไปทำคดีต่อหรือไม่นั้น 

พล.ต.ท.อัคราเดช เผยว่า ก็จะต้องพิจารณาก่อน เพราะตำรวจภูธรภาค 2 ทำได้ดีอยู่แล้ว หากกองปราบปราม อยากจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นเพิ่มเติม โดยย้ายคดีไปทำ กำลังประเมินเรื่องอยู่

 

ขอให้ความมั่นใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตในเรื่องของความปลอดภัย ว่าตำรวจพร้อมเสมอที่จะพูดคุยและสามารถมาปรึกษาได้ พร้อมให้ความยุติธรรม

ได้แจ้งทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ไปแล้วว่า สามารถร้องขอความช่วยเหลือ ในการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปให้ความคุ้มครองป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย

ส่วนกรณีคลิปเสียง ก็ต้องมาแยกแยะว่าได้มาจากใคร บันทึกไว้ช่วงไหน เจตนาของคลิปมีความหมายอย่างไร ส่วนการเกิดเหตุต้องมาดูพยานหลักฐานประกอบกับการวางแผนในการสอบสวน