svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

อธิบดีกรมการค้าภายใน โชว์ผลงาน 70 วัน ลดค่าครองชีพ 1.5 หมื่นล้าน

อธิบดีกรมการค้าภายในแถลงผลงานครบรอบ 70 วัน ลดค่าครองชีพกว่า 15,000 ล้านบาท เดินหน้าดูแลสินค้าเกษตร ค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ พร้อมปรับภาพลักษณ์การทำงานของกรม

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน แถลงผลงานครบรอบ 70 วัน ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ โดยประเด็นแรก คือ การกำกับดูแลสินค้าเกษตร ซึ่งได้ดำเนินการประชุมคณะกรรมการรายสินค้า ทั้งข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์ม และสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อกำหนดกรอบนโยบาย แผนงานและมาตรการการบริหารจัดการ รวมทั้งให้การช่วยเหลือเกษตรกร สถาบันเกษตรกร อาทิ การพัฒนาคุณภาพ ลดต้นทุน ในส่วนของข้าว ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การซื้อขายข้าวและหารือรับฟังปัญหาจากเกษตรกรในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด จึงนำมาสู่การดำเนินโครงการส่งเสริมศักยภาพการตลาดข้าวกลุ่มเกษตรกร พร้อมดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกโดยเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง 

สำหรับมันสำปะหลัง ได้ประชุมหารือติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ สมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง พร้อมดันมาตรการรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง ปี 2567/68 มาตรการกำกับดูแลการรับซื้อ การขยายตลาดส่งออกมันเส้นและแป้งมัน
 

อธิบดีกรมการค้าภายใน โชว์ผลงาน 70 วัน ลดค่าครองชีพ 1.5 หมื่นล้าน

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะยึดมาตรการรับซื้อผลผลิตในประเทศให้หมดก่อน รวมถึงการใช้มันสำปะหลังและปลายข้าวทดแทนการนำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศ โดยมีผู้ประกอบการขานรับแนวทางดังกล่าว เพื่อพยุงราคาสินค้าเกษตรในประเทศ โดยที่ผ่านมาได้มอบหมายสายตรวจพิเศษ ออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าและการขนย้ายสินค้าเกษตรผ่านแดนอย่างต่อเนื่อง ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการรับซื้อสินค้าเกษตร การแจ้งปริมาณสินค้าที่มี รวมทั้งตรวจสอบการขออนุญาตขนย้ายสินค้าเกษตร เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า การลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรภายในประเทศ ทำให้เกิดความปั่นป่วนในระบบราคาสินค้า รวมทั้งขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ ด่านตรวจศุลกากร ตรวจติดตามการนำเข้าสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในแนวเขตพื้นที่ชายแดน

อธิบดีกรมการค้าภายใน โชว์ผลงาน 70 วัน ลดค่าครองชีพ 1.5 หมื่นล้าน

ปาล์มน้ำมัน ได้มีการติดตามสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันเป็นประจำทุกวัน ทั้งผลผลิตและสกัด จนถึงการนำไปทำเป็นน้ำมันปาล์มขวด รวมทั้งขอความร่วมมือชะลอการส่งออก  การเข้าดูแลโมเดิร์นเทรดหรือห้างสรรพสินค้า ไม่ให้มีการปรับราคาจำหน่าย (สต๊อกเก่า) และผลักดันการใช้น้ำมันถั่วเหลือง สำหรับกลุ่มผู้ใช้ในครัวเรือนให้ใช้น้ำมันถั่วเหลืองสลับกับน้ำมันปาล์มในช่วงที่ผลผลิตออกมาน้อย นอกจากนี้ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 จัดการอบรมเจ้าหน้าที่กำกับดูแลผู้ประกอบการ ลานเทในพื้นที่ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ห้ามมิให้กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อทำให้ผลปาล์มน้ำมันร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ได้เตรียมประสานนำน้ำมันปาล์มราคาประหยัดไปจำหน่าย เพื่อเป็นการช่วยเหลือผ่านกลไกของร้านธงฟ้า 

ส่วนสินค้าเกษตรที่กำลังจะมีผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วง 1-3 เดือนนี้ คือ หอมแดง ได้ติดตามสถานการณ์และเตรียมแผนก่อนช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วง ม.ค. - มี.ค. โดยเชื่อมโยงเจรจาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้า ผ่านสัญญาข้อตกลงมาตรฐาน รวมทั้งรับซื้อและกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต 

ประเด็นที่สอง การลดค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการ ได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตามนโยบายรัฐบาล ร่วมกับผู้ผลิตรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้าลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และค่าบริการ กว่า 70% นอกจากนี้จัดโปรโมชั่นจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้า ร้านชุมชน กว่า 140,000 ร้านค้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ 14,400 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงเทศกาลอย่างกินเจ เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ได้จัดกิจกรรม “เทศกาลกินเจ อิ่มบุญราคาประหยัด” จับมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ลดราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลกินเจ มาจำหน่ายให้กับประชาชน สามารถลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน 750 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม 2,250 ล้านบาท

ในส่วนของนโยบายฟื้นฟูหลังอุทกภัยของรัฐบาล กรมฯ ได้จัดงานจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด “ธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย และ “ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี สงขลา และสตูล โดยจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ และนำสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร ในพื้นที่จังหวัด กว่า 500-1,000 รายการ ลดสูงสุด 60% พร้อมจัดถุงยังชีพส่งลงพื้นที่น้ำท่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งประสานงานไปยังห้างค้าปลีกค้าส่งให้เตรียมสต๊อกสินค้า วัสดุก่อสร้าง สินค้าซ่อมแซมบ้าน สินค้าทำความสะอาดบ้านเรือน ให้มีจำหน่ายอย่างเพียงพอ ไม่ให้ของขาด ไม่ให้แพง และไม่ให้มีการกักตุนสินค้า ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือขายสูงเกินสมควร ในช่วงวิกฤติที่จะเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัย

สำหรับแผนการลดค่าครองชีพประชาชนและต้นทุนของผู้ประกอบการที่จะดำเนินการในระยะต่อไป คือ “พาณิชย์ลดราคา New Year Maga Sale 2025” ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มพิเศษทั่วประเทศข้ามปีในเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ ธ.ค. 67-ม.ค. 68 รวม 46 วัน โดยระหว่างวันที่ 17-19 ธ.ค. 67 จะเปิดตัวที่กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนอกจากลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนแล้ว ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าและกระตุ้นกำลังซื้อให้ประชาชน 

อธิบดีกรมการค้าภายใน โชว์ผลงาน 70 วัน ลดค่าครองชีพ 1.5 หมื่นล้าน

ประเด็นสุดท้าย การปรับภาพลักษณ์การทำงานของกรม ได้แก่ การ Rebranding ธงฟ้า / ส่งเสริมให้ผู้บริโภคฉลาดเลือก ฉลาดซื้อประหยัดใช้ อีกเรื่องคือ  ยกระดับมาตรฐานงานชั่งตวงวัดให้เป็นสากล โดยพัฒนามาตรฐานของไทยให้ทัดเทียมกับประเทศต่าง ๆ อาทิ สหพันธรัฐเยอรมัน เกาหลี และญี่ปุ่น เพื่อเป็นต้นแบบให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านในการใช้มาตรฐานเดียวกันกับของไทยต่อไป ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดขั้นตอน การตรวจบรรจุหีบห่อซ้ำ เมื่อสินค้าส่งผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากมีมาตรฐานเดียวกัน โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการด้านเทคนิคชั่งตวงวัดระหว่างไทย-ลาว เมื่อ 8 ต.ค. 67 

สำหรับต่อไป จะยกระดับงานชั่งตวงวัดของไทย กับราชอาณาจักรกัมพูชา และฟิลิปปินส์ในลำดับถัดไป ส่วนของการตรวจสอบ จะแต่งตั้งหน่วยตรวจ (Outsources) ให้ภาคเอกชนดำเนินการตรวจสอบให้คำรับรองแทนพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อลดระยะเวลาในการรอคิวตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ อีกทั้งให้การกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัดมีความทั่วถึงและครอบคลุมมากขึ้น ปัจจุบันมีหน่วยตรวจที่ได้รับการแต่งตั้งแล้ว 5 บริษัท รวมทั้งจะขยายขอบเขตการกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัด จากปัจจุบันที่มีการกำกับดูแลเครื่องชั่งตวงวัด 45 ชนิด ให้เพิ่มเติมอีก 6 ชนิด ประกอบด้วย มาตรวัดไฟฟ้า แท็กซี่มิเตอร์ EV Charger เครื่องวัดลมยางรถยนต์ เครื่องวัดความเร็วรถยนต์ และเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในลมหายใจ

อธิบดีกรมการค้าภายใน โชว์ผลงาน 70 วัน ลดค่าครองชีพ 1.5 หมื่นล้าน

นอกจากนี้ จะยกระดับคือการปรับปรุงกฎหมายการค้าข้าว เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการรายเล็กที่จะสามารถช่วยนำพาเศรษฐกิจของไทยให้เข้มแข็ง พัฒนายั่งยืนมากขึ้น ดังนั้น กรมฯ จึงได้พิจารณาความเป็นไปได้ในการแก้ไขกฎหมายการค้าข้าว ให้มีการลดขั้นตอน/ภาระในการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวประเภทส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้ามาเป็นผู้ส่งออกข้าวเพิ่มมากขึ้น

และสุดท้ายเพื่อให้การทำงานของกรมการค้าภายใน ทำได้ ทำไว ทำจริง จึงต้องมีการยกระดับการทำงานร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด (สพจ.) และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) โดยใช้กลไกของ สพจ. และ สคต. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในส่วนภูมิภาคและขับเคลื่อนงานในระดับพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป