จากกรณี เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น. ตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายกันด้วยการใช้อาวุธมีด ที่บ้านโคกงิ้วใหม่ หมู่ 16 ต.ผไทรินทร์ อ.ลำปลายมาศ จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นยกสูง เลขที่ 26 ม.16 ต.ผไทรินทร์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ บริเวณใต้ถุนบ้านพบรอยเลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณเปลตาข่าย แต่ไม่พบอาวุธมีดที่ก่อเหตุทำร้าย ส่วนผู้บาดเจ็บคือนายสถิตย์ ตีบจันทร์ อายุ 37 ปี เจ้าของบ้าน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปหาหมอที่ รพ.สต.ผไทรินทร์ ใกล้บ้าน ในสภาพข้อมือซ้ายขาด เจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.ผไทรินทร์ นำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลลำปลายมาศ ก่อนถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายอาทิตย์ หรือ "เต๋า" (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ลูกเขยนายสถิต คนบาดเจ็บที่เพิ่งมาอยู่ที่บ้านได้ประมาณ 2 เดือน หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปพร้อมกับภรรยา ซึ่งเป็นลูกสาวของคนเจ็บ
สอบถามนางปราณี ตีบจันทร์ อายุ 62 ปี แม่นายสถิตย์ ที่ถูกฟันเล่าว่าช่วงเกิดเหตุลูกชายกลับมาจากทุ่งนานอนเล่นโทรศัพท์ที่เปลใต้ถุนบ้าน จู่ๆ นายอาทิตย์ หรือเต๋า ลูกเขยใช้อาวุธมีดเข้ามาฟันลูกชาย จนข้อมือหลุดกระเด็นออกมา ระหว่างลูกชายเอามือยกป้องกัน จากนั้นหลานเขย และหลานสาว ได้พากันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ส่วนลูกชายตั้งสติ คว้าข้อมือของตัวเองที่ขาดใส่ตระกร้าหน้ารถขับไปขอความช่วยเหลือที่ รพ.สต.ผไทรินทร์ ห่างจากบ้านประมาณ 1 กม. ส่วนสาเหตุที่หลานเขยทำร้ายลูกชายคาดว่ามาจากหลานเขยโกรธแค้น ที่ถูกนายสถิตย์ ซึ่งเป็นพ่อตาดุด่าว่า เรืองเกียจคร้านไม่ทำงานทำการ อยู่บ้านก็ไม่ล้างถ้วยล้างจาน ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุที่ นายเต๋า มาก่อเหตุดังกล่าว
นางปราณี ตีบจันทร์ กล่าวอีกว่า นายเต๋า หลานเขยคนนี้เพิ่งมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ประมาณ 2 เดือน นิสัยเป็นคนเงียบๆ แต่ชอบทำร้ายร่างกายภรรยาเป็นประจำ ตนและลูกชายก็บ่นให้ทั้งหลานเขยและหลานสาวประจำ อยู่บ้านไม่ช่วยทำการทำงาน ข้าวก็ไม่หุง จานข้าวกินเสร็จก็ไม่ล้าง แช่ไว้ในกาละมัง พ่อตาก็ทำงานงกๆ อยากจะฝากบอกหลานเขยให้มอบตัว เพราะหนีก็ไปไม่รอด แต่ถ้าตำรวจจับตัวหลานเขยคนนี้ได้ จะไม่รับอีกแล้ว ใครจะเอาไปไหนก็เอาไปไหนก็ไปตนเองไม่เอาแล้ว ปล่อยเลยตามเลย ส่วนหลานสาวถ้าอยากกลับมาบ้านก็มา
ความคืบหน้า วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าชาวบ้านต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะพฤติกรรมของนายเต๋า ที่เป็นคนใจร้อน พ่อแม่แยกทางกัน เคยจะใช้มีดทำร้ายคนในหมู่บ้านหลายครั้ง จนไม่มีใครอยากคุยด้วย
นานไพรัตน์ สุขแสง อายุ 61 ปี เป็นชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับนายเต๋า เล่าว่า พ่อแม่ของนายเต๋า แยกทางกันประมาณ10 ปี เขาเป็นคนอามรณ์ร้อน แต่ไม่ค่อยพูด เคยใช้อาวุธมีดจะมาแทงลูกชายมาแล้ว แต่หนีได้ทัน อยากให้ตำรวจทำงานให้เต็มที่ เพราะถ้าข้อกล่าวมีโทษน้อย หากได้รับการปล่อยตัวออกมา จะกลายเป็นคนน่ากลัวทันที
ด้านนาง อำนวย ตีบจันทร์ อายุ 40 ปี เมียนายสถิตย์ ผู้บาดเจ็บ และเป็นแม่ยายของนายเต๋า (คนก่อเหตุ) เล่าว่า ตอนนั้นตนไม่อยู่บ้าน ทราบจากสามีว่าหลังถูกฟันได้รีบเก็บข้อแขนของตัวเองใส่ถุงพลาสติก เอาใส่ตะแกรงหน้ารถแล้วขี่รถจักรยานยนต์มือเดียวไปที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน(รพ.สต.)จนหมอชมว่าสติดี
ล่าสุด ต่อข้อมือได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะใช้การเหมือนปกติหรือไม่ นางอำนวย เล่าด้วยว่า สาเหตุหลักคือนายเต๋า ที่เพิ่งมาอยู่ในบ้านไม่ยอมทำมาหากิน สามีตนคือพ่อตานายเต๋า พยายามบอกแต่ไม่ฟัง จนถึงขั้นบอกว่าถ้าไม่ทำมาหากิน อยู่ไม่ได้ ก็ไม่ต้องอยู่ จนกระทั่ง ย่าข้างบ้านได้ยิน นายเต๋า พูดกับลูกสาวว่า "กูไปแน่ แต่จะขอเอาเลือดของคนในบ้านหลังนี้ออกก่อน" จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น
ซึ่งตนรับไม่ได้ เพราะรุนแรงเกินไป เป็นการหมายเอาชีวิต จึงอยากจะให้ตำรวจเร่งจับตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว และอยากให้ตำรวจตั้งข้อหาหนัก ส่วนลูกสาวที่ไม่ยอมห้าม แต่กลับหนีไปด้วยกัน ถ้าตำรวจสืบได้ว่าร่วมกัน ก็ให้ปล่อยไปตามกฎหมาย ตนไม่ว่า
ล่าสุด มีรานงานว่า นายเต๋า ได้ประสานตำรวจว่าจะขอเข้ามอบตัวแล้ว ตอนนี้หลบหนีอยู่ในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา