ในสงครามการค้าระลอกแรก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในขณะนั้น สั่งขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราสูงถึง 25% ในปี 2561 และจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง ถั่ว เนื้อหมู และผลไม้
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประเมินว่า เกษตรกรสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าการส่งออกมากถึงกว่า 27,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงกลางปี 2561-2562 โดยส่วนใหญ่สูญเสียการส่งออกสินค้าไปจีน
ต่อมาสองฝ่ายลงนามข้อตกลงเฟสหนึ่งเพื่อผ่อนคลายมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างกันในปี 2563 และจีนยกเลิกภาษีนำเข้าบางอย่างเพื่อสนับสนุนการสั่งซื้อสินค้าเกษตร
แต่ครั้งนี้ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศในช่วงหาเสียงว่าจะขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนในระดับ 60% หรือมากกว่านั้น
ผลการศึกษาโดยสมาคมถั่วเหลืองอเมริกา และสมาคมผู้ปลูกข้าวโพดแห่งชาติ ที่เผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว ประเมินว่า เกษตรกรอาจสูญเสียมูลค่าการผลิตต่อปีรวมกันมากถึง 7,300 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า หากจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษี 60% โดยถั่วเหลืองและข้าวโพดอาจเป็นเป้าหมายหลัก
จีนเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ โดยการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของสินค้าส่งออกไปจีนทั้งหมดในปี 2566
ผู้นำเข้าสินค้าในจีนบางรายเริ่มกักตุนสินค้าสหรัฐฯ เพื่อเตรียมรับมือกับความเสี่ยงของสงครามการค้าระลอกใหม่แล้ว และในงานแสดงสินค้านำเข้าจากต่างประเทศของจีนที่จัดขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ช่วงวันที่ 5-10 พฤศจิกายน มีผู้นำข้าวของจีนลงนามข้อตกลงซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ หลายชนิด ตั้งแต่ ถั่วเหลืองจนถึงโสมรวมมูลค่า 711 ล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์ มองว่า แม้ภาคการเกษตรของสหรัฐฯ อาจเสี่ยงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ารอบใหม่ แต่สถานการณ์เวลานี้แตกต่างจากเมื่อปี 2561 โดยนับจากสงครามครั้งนั้น จีนก็ลดการพึ่งพาสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ หันไปเพิ่มการผลิตภายในประเทศ และนำเข้าจากแหล่งอื่น ๆ
จีนหันไปซื้อถั่วเหลืองจากบราซิลเพิ่มขึ้น และลดการนำเข้าจากสหรัฐฯ ขณะที่ผู้ส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ยังพึ่งพาตลาดจีนอย่างมาก โดยยอดส่งออกไปจีนคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของการส่งออก
นักวิเคราะห์จึงเชื่อว่า ภาคการเกษตรของสหรัฐฯ จะยังได้รับผลกระทบอีกครั้ง หากทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจีน แม้ว่าจีนไม่ได้มีมาตรการตอบโต้โดยตรงก็ตาม โดยแค่ผู้ซื้อจีน ซึ่งจำนวนมากเป็นกิจการของภาครัฐ หันไปเลือกซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์รายอื่นแทน
บรรดาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกษตรของสหรัฐฯ ย้ำความจำเป็นที่สหรัฐฯ และจีนควรเดินหน้าความร่วมมือกันต่อไป และเตือนว่า สงครามการค้าจะเป็นสถานการณ์ที่มีแต่ผู้แพ้ โดยสภาการส่งออกถั่วเหลืองสหรัฐฯ บอกด้วยว่า อยากเห็นการรื้อฟื้นข้อตกลงการค้าเฟสหนึ่งอีกครั้ง ซึ่งข้อตกลงนี้จีนสัญญาซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯ และสินค้าและการบริการอื่น ๆ รวม 200,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการครบถ้วนทั้งหมด