พฐ.เข้าเก็บหลักฐาน เมียบิ๊กตำรวจลักทรัพย์ หลังหญิงผู้เสียหายเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม

23 ตุลาคม 2567 มีรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึก วันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา น.ส.ธณัฎฐา อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ว่า ถูกภรรยาตำรวจยศ พลตำรวจเอก เข้าไปขโมยทรัพย์สินในคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 101 

โดยผู้เสียหายให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ตนและสามีเคยพักอาศัยอยู่ที่คอนโดฯ แห่งนี้ แต่ย้ายไปพักย่านพุทธมณฑล เพราะทำงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่สามีจะไปพักที่คอนโดฯ เป็นประจำ

 

ต่อมาวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.00 น. ตนทราบว่าภรรยาตำรวจยศนายพลรายนี้ ได้ใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าไปในห้องที่คอนโดฯ จึงเดินทางไปที่คอนโดฯ พบว่า ทรัพย์สินที่เก็บไว้ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าทั้ง 6 รายการ หายไป รวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท หลังเกิดเหตุได้ติดต่อทวงถามโดยตลอด แต่ไม่สามารติดต่อภรรยาตำรวจยศนายพลได้ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ

ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถาม พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผู้กำกับการ สน.พระโขนง ถึงกรณีดังกล่าวระบุว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเรื่องนี้จริง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันที่ 20 ต.ค.

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายได้ไปออกรายการดังและพูดถึงประเด็นนี้ ซึ่งรายละเอียดความเสียหาย ที่ผู้เสียหายเคยให้ไว้กับตำรวจในวันแจ้งความ มีข้อมูลน้อยกว่าที่ไปพูดในรายการดัง ตอนนี้ตำรวจได้ติดต่อผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ผู้เสียหายยังไม่ได้เข้าไปให้การเพิ่มเติม หลังจากนี้หากเข้าให้การแล้ว จะเรียกตัวพยานในเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย แต่ก็ต้องตรวจสอบก่อนว่า มีพยานในเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่

ส่วนการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ จะต้องเป็นขั้นตอนหลังจากสอบผู้เสียหายเสร็จแล้ว เบื้องต้นตำรวจได้เก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดในห้องพักไปตรวจสอบแล้ว

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าพบ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง และได้เชิญตัว น.ส.ธณัฏฐา ผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม กรณีทรัพย์สินที่สูญหายไปรวมมูลค่าเกือบ 6 ล้านบาท และยังได้มีการนำของกลางที่ผู้ถูกกล่าวหาทิ้งไว้ในห้องที่เกิดเหตุเลขที่ 8/125 ชั้น 7 คอนโดฯซอยสุขุมวิท 101 เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลลิปส์ 2 เรือน กระเป๋าสะพาย และเอกสารต่างๆ ของผู้ถูกกล่าวหาอีกหลายรายการ


ซึ่งเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 67 น.ส.ธณัฏฐา ได้เดินทางมายัง สน.พระโขนง เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับภรรยาของบิ๊กตำรวจ ฐานความผิดลักทรัพย์ฯ โดย น.ส.ธณัฏฐา แจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุตนและนายภีมพจน์ สามี พักอาศัยอยู่ที่ห้องที่เกิดเหตุ ต่อมาตนและนายภีมพจน์ ได้ย้ายไปพักที่คอนโดใน ต.พุทธมณฑล อ.ศาลายา จ.นครปฐม เนื่องจากตนประกอบอาชีพรับจ้าง เป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม และนายภีมพจน์ ก็ได้ทำงานรับราชการอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 

ต่อมาในวันที่ 18 ส.ค. 67 เวลาประมาณ 14.00 น. ตนได้ใช้ให้นายพงษ์พัฒน์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลาน เข้ามาเอาของที่ห้องเกิดเหตุ เมื่อนายพงษ์พัฒน์ เดินทางมาถึงได้สังเกตเห็น หญิงที่ถูกกล่าวหา ใช้กุญแจและคีย์การ์ดเปิดเข้าไปในห้องเกิดเหตุ จึงได้โทรศัพท์แจ้งเรื่องดังกล่าวให้กับตนทราบ ซึ่งขณะนั้นตน พักอยู่ที่จังหวัดนครปฐม จึงได้รีบเดินทางมาที่ห้องเกิดเหตุ เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินที่ได้เก็บไว้ในลิ้นชักในตู้เสื้อผ้าประกอบด้วย ทองคำประเภทต่างๆ น้ำหนักรวม 120 บาท เงินสดอีก 6 แสนบาท รวมมูลค่าประมาณ 5.7 ล้านบาท ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ตนและนายภีมพจน์ ซื้อร่วมกัน เพื่อจะเอาไว้ใช้ในงานแต่งงานระหว่างตนและนายภีมพจน์ ในเดือน ก.พ. 68 (แต่ได้จดทะเบียนสมรสกันในเดือน พ.ค.67 แล้ว)


ตนจึงได้พยายามติดต่อกับผู้ถูกกล่าวทางโทรศัพท์ และทางแอปพลิเคชั่นไลน์แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงได้เขียนจดหมายเพื่อทวงทรัพย์สินดังกล่าวคืน โดยตนได้นำไปให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่บ้าน ในวันที่ 17 ก.ย. 67 เวลาประมาณ 18.40 น.แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน ไม่ให้ตนเข้าไปส่งด้วยตัวเอง แต่ได้ประสานให้นายตำรวจที่คอยดูแลบ้านพักของบิ๊กตำรวจที่ชื่อ "นนท์" ให้มารับเอกสารแทน แต่หญิงคนดังกล่าว ก็ไม่ได้นำทรัพย์สินดังกล่าวมาคืน ตนได้พยายามติดต่อเรื่อยมา แต่ไม่สามารถติดต่อได้

ตนจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับ ผู้ถูกกล่าวหา ในคดีนี้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามกฎหมาย และติดตามทรัพย์สินดังกล่าวมาคืนให้กับตน

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ประสานมาให้ร่วมตรวจสอบเหตุลักทรัพย์ โดยผู้ถูกกล่าวหาได้ทิ้งหลักฐานไว้ในห้องที่เกิดเหตุหลายรายการ ซึ่งได้ตรวจลายนิ้วมือแฝงไว้หมดแล้ว และจะได้ไปตรวจสอบในห้องที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภาพวงจรปิดในคอนโดฯ ที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป