ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ ยืนยันว่า พายุมิลตัน ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งเม็กซิโก มีความเร็วลมสูงขึ้นเป็นพายุเฮอร์ริเคนรุนแรงระดับ 1 เมื่อวันอาทิตย์ (6 ตุลาคม) โดยมีความเร็วลมต่อเนื่องอยู่ที่ 144 กม./ชม. และห่างจากเมืองแทมปา รัฐฟลอริดาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 1,224 กม. นอกจากนี้คาดว่า พายุอาจพัดขึ้นฝั่งแถวชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกของรัฐฟลอริดาช่วงค่ำวันพุธ ด้วยความรุนแรงระดับ 3 ที่มีความเร็วลม 192 กม./ชม. โดยคาดว่า จะขึ้นฝั่งระหว่างเกาะเซดาร์ คีย์ และเมืองเนเปิลส์ ซึ่งรวมถึงอ่าวแทมปา
อิทธิพลของพายุรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งทิศตะวันตกของรัฐฟลอริดา โดยคาดว่า จะทำให้มีฝนตกหนักช่วงวันอาทิตย์ถึงจันทร์ และฝนตกเพิ่มและลมแรงช่วงวันอังคารและคืนวันพุธ อาจมีปริมาณฝนระหว่าง 127-203 มิลลิเมตรทั่วคาบสมุทรฟลอริดา และเกาะคีย์ และบางพื้นที่อาจมีฝนตกวัดได้ 304 มิลลิเมตร ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และแม่น้ำจะมีระดับน้ำสูงขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง
พายุลูกใหม่จะซ้ำเติมพื้นที่ประสบภัยของฟลอริดา หลังจากพายุเฮอร์ริเคน “เฮลีน” พัดขึ้นฝั่งด้วยความรุนแรงระดับ 4 ในเขตบิกเบนด์ของฟลอริดาเมื่อวันที่ 26 กันยายน และเป็นพายุที่คร่าชวิตมากที่สุดนับจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรินาในปี 2548 โดยพายุเฮลีนคร่าชีวิตอย่างน้อย 225 ราย ใน 6 รัฐ ทั่วภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ และเฉพาะรัฐฟลอริดา มีผู้เสียชีวิต 14 ราย
พายุเฮลีนทิ้งร่องรอยความเสียหายเป็นระยะทางยาว 800 กม. ครอบคลุมหลายรัฐ ทำให้เกิดน้ำท่วม ดินถล่ม แลกระแสลมแรง บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ถนนและสะพานได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ล่าสุดรอน ดิแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ประกาศภาวะฉุกเฉินใน 51 เคาน์ตีจากทั้งหมด 67 เคาน์ตี เพื่อเตรียมรับมือกับพายุมิลตัน รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่เตรียมซ่อมแซมไฟฟ้าและกำจัดเศษซากบนถนนก่อนพายุเข้า นอกจากนี้หน่วยบรรเทาภัยฉุกเฉินของรัฐกำลังเตรียมอพยพประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากปี 2560 ซึ่งทางการท้องถิ่นในบางเคาน์ตีเริ่มมีคำสั่งให้ประชาชนอพยพออกจากบ้านเรือน
ดิแซนทิส ยังเตือนด้วยว่า พายุมิลตันอาจทำให้เกิดไฟดับวงกว้างยิ่งกว่าตอนพายุเฮลีน และอาจเกิดสตอร์มเซิร์จในอ่าวแทมปารุนแรงกว่าช่วงพายุเฮลีนด้วย
นอกจากนี้โรงเรียนในบางเคาน์ตีแถวอ่าวแทมปา ตัดสินใจปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธเพื่อความปลอดภัยแล้ว