อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ประกาศความช่วยเหลือระหว่างแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ขณะเยือนกรุงเคียฟของยูเครนในวันศุกร์ (20 กันยายน) โดยบอกว่า สหภาพยุโรป หรือ อียู ให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินกู้แก่ยูเครน 39,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ กว่า 1.15 ล้านล้านบาท เพื่อซ่อมแซมระบบโครงข่ายไฟฟ้า และเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้า ในขณะที่ฤดูหนาวใกล้มาถึงแล้ว
เงินจำนวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนความช่วยเหลือที่ชาติสมาชิกกลุ่มจี7 ประกาศว่า จะระดมเงินช่วยเหลือยูเครน 50,000 ล้านดอลลาร์ ผ่านกำไรที่ได้จากทรัพย์สินของรัฐบาลรัสเซียที่ถูกอายัดไว้
เธอบอกด้วยว่า ยูเครนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้เงินช่วยเหลืออย่างไรจึงเหมาะสมที่สุด ซึ่งทางผู้นำยูเครน บอกว่า สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ ซ่อมแซมโครงข่ายไฟฟ้า, สร้างศูนย์หลบภัยระเบิดมากขึ้น, พัฒนาโรงเรียน และจัดซื้ออาวุธมากขึ้น
โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศถูกทำลายย่อยยับ นับจากรัสเซียเปิดฉากสงครามในปี 2565 และทำให้หลายพื้นที่ประสบไฟดับหลายครั้ง
ขณะที่ฤดูหนาวในยูเครนกำลังจะเริ่มขึ้นช่วงปลายเดือนตุลาคม และต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมีนาคม โดยช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เป็นช่วงยากลำบากที่สุด ยุโรปคาดหวังว่า จะสามารถจัดหาไฟฟ้าได้เกือบ 25% ของความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาวมากถึง 17 กิกะวัตต์
แต่การจัดสรรเงินกู้แก่ยูเครนจะต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภายุโรป และการรับรองจากจากชาติสมาชิกส่วนใหญ่ของอียู
ชาติตะวันตกร่วมกันอายัดทรัพย์สินของรัสเซียในบัญชีธนาคารที่ตั้งอยู่ในยุโรป สหรัฐฯ และอีกบางประเทศ ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้ที่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2565 โดยทรัพย์สินเกือบ 2 ใน 3 ที่ถูกอายัดไว้ หรือราว 234,000 ล้านดอลลาร์อยู่ในอียู และอีก 3,000 ล้านดอลลาร์อยู่ในธนาคารของสหรัฐฯ