ชู ไคผง ชายวัย 27 ปี ขึ้นศาลแขวงเกาลูนตะวันตกในวันจันทร์ (16 กันยายน) และรับสารภาพว่ากระทำความผิด 1 กระทง จากการกระทำที่มีเจตนาปลุกปั่น ภายใต้มาตรา 23 ของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ที่เริ่มบังคับใช้เมื่อเดือนมีนาคม โดยเขาเป็นคนแรกที่ถูกดำเนินคดีในข้อหานี้ และศาลมีกำหนดอ่านคำตัดสินบทลงโทษคดีนี้ในวันที่ 19 กันยายน
นายชูถูกตำรวจจับกุมใกล้สถานีรถไฟใต้ดินเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน โดยในขณะนั้นเขาสวมเสื้อยืดที่มีข้อความ ซึ่งตำรวจ ระบุว่า อาจยุยงให้เกิดความเกลียดชัง การดูหมิ่น หรือ ความไม่พอใจต่อระบบรากฐานของรัฐ ตามที่จัดตั้งขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ข้อความบนเสื้อยืด คือ “ปลดปล่อยฮ่องกง ปฏิวัติในยุคเรา” และเขายังและสวมหน้ากากสีเหลือง ที่มีคำว่า FDNOL ซึ่งเป็นตัวย่อของคำขวัญการประท้วง "five demands, not one less” หรือ “5 ข้อเรียกร้อง ไม่น้อยกว่านี้" ข้อความทั้งบนเสื้อยืดและหน้ากากล้วนเป็นคำขวัญของการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในปี 2562 ที่มีจุดเริ่มต้นในวันที่ 12 มิถุนายน และนำไปสู่การประท้วงที่ยืดเยื้อยาวนานหลายเดือน
จีนเริ่มบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในปี 2563 ที่มีบทลงโทษสำหรับความผิดข้อหาแบ่งแยกดินแดน, ปลุกปั่น, ก่อการร้าย หรือสมคบคิดต่างชาติ โดยมีโทษสูงสุด คือ จำคุกตลอดชีวิต และในเดือนมีนาคม ฮ่องกงผ่านกฎหมายความมั่นคงอีกฉบับ ที่เรียกว่า มาตรา 23 (Article23) และกำหนดโทษสูงสุดของข้อหาปลุกปั่น คือ จำคุก 7 ปี และข้อหาสมคบคิดกับ “กองกำลังภายนอก” มีโทษจำคุก 10 ปี
บรรดานักวิจารณ์ ซึ่งรวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อกฎหมายฉบับใหม่ว่า มีการให้คำนิยามอย่างคลุมเครือเกี่ยวกับข้อหา “การปลุกปั่น” จึงอาจถูกใช้ในการปราบปรามผู้เห็นต่าง