ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอิหร่านทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีตั้งแต่ช่วงเช้าของวันศุกร์ (5 กรกฎาคม) ตามเวลาท้องถิ่น และหน่วยเลือกตั้งจะปิดในเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่การเลือกตั้งสามารถขยายเวลาได้ครั้งละ 2 ชม. จนถึงเที่ยงคืน
ในการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเพียง 39.9% จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 61 ล้านคน ซึ่งต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยไม่มีผู้สมัครคนใดจากทั้งหมด 4 คน ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง ทำให้ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับแรก ต้องแข่งขันกันในรอบสอง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องตัดสินใจว่าจะเลือกมาซูด เปเซชเคียน อดีตศัลยแพทย์และสมาชิกรัฐสภาหลายสมัย ที่มีแนวคิดสายกลาง หรือ ซาอีด จาลิลิ อดีตผู้แทนเจรจานิวเคลียร์ที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม เปเซชเคียนมีนโยบายผ่อนคลายข้อบังคับบางอย่าง รวมถึง กฎหมายสวมฮิญาบ และพัฒนาความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก ซึ่งรวมถึง รื้อฟื้นการเจรจานิวเคลียร์กับชาติมหาอำนาจ
ขณะที่ผู้สนับสนุนของเปเซชเคียน เตือนว่า จาลิลิจะทำให้อิหร่านมีรัฐบาลสุดโต่งคล้าย “ตาลิบัน” ของอัฟกานิสถาน ขณะที่จาลิลิ วิจารณ์ว่า เปเซชเคียน หาเสียงด้วยการสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน
จำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งในรอบสองจะเป็นตัวชี้วัดว่า จะทำให้เปเซชเคียน ที่คว้าคะแนนเสียงมากที่สุด 42.5% ในรอบแรก จะสามารถชนะเลือกตั้ง ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่หรือไม่
การเลือกตั้งประธานาธิบดีจัดขึ้นก่อนกำหนด หลังจากประธานาธิบดีเอบราฮิม ไรซี ถึงแก่อสัญกรรมกะทันหัน จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อเดือนพฤษภาคม และปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนล้วนเป็นเรื่องภายในประเทศ ได้แก่ การบังคับสวมผ้าคลุมศีรษะสำหรับผู้หญิงที่มีการกวดขันเข้มงวดครั้งใหม่ ข้อเสนอขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน และสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ต่อเนื่องหลายปี ที่ทำให้อัตราว่างงานและอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง
นอกจากนี้ผลเลือกตั้งยังได้รับการจับตาจากภายนอก ในช่วงที่ตะวันออกกลางกำลังเผชิญความตึงเครียดจากสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสในฉนวนกาซา ที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลัง เช่น ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และกบฏฮูตีในเยเมน ล้วนเพิ่มการโจมตีอิสราเอลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อิหร่านกับอิสราเอลเคยโจมตีตอบโต้กันในเดือนเมษายน