svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

เปิดเอกสารฉบับแรก "บิ๊กโจ๊ก" ถึง"นายกฯแพทองธาร"กับความลับ"ห้องอินทรี"

"บิ๊กโจ๊ก" ยังคงเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรม และนี่เป็นจดหมายฉบับแรก ถึงนายกฯคนใหม่ "แพทองธาร ชินวัตร" กับสถานการณ์ โยกย้าย "บิ๊กตำรวจ" ขณะที่แฟ้มลับเปิดเบื้องหลังคนวิ่งงานและ"ความลับในห้องอินทรี" ติดตามได้จาก "กระบี่เดียวดาย"

15 กันยายน 2567 การเดินเกมทางกฎหมายเพื่อให้ตัวเองยังมีเส้นทางราชการของ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์  หักพาล" นั้นยังไม่ยุติ เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" ทำหนังสือถึง "เเพทองธาร  ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี คัดค้านการเเต่งตั้งพนักงานสอบสวนนั้น

 

นับเป็นการขยับต่อสู้คดีครั้งล่าสุดที่"บิ๊กโจ๊ก"เดินหมากโดยอ้างความไม่เป็นธรรมต่อตัวเองเเละพวกกับคำสั่งดังกล่าวของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ


เกมนี้"บิ๊กโจ๊ก" หวังอะไร หลังจากวันที่ 27 สิงหาคม  "บิ๊กโจ๊ก" ยื่นหนังสือถึงศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้มีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉินเเละคุ้มครองชั่วคราวกับการวินิจฉัยของ กพค.ตร. ที่ยืนตามมติก.ตร.ว่าการให้ "บิ๊กโจ๊ก"ออกจากราชการนั้นชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งล่าสุด ศาลปกครองสูงสุด จะมีการดำเนินการตามปกติ ไม่มีไต่สวนฉุกเฉินตามที่"บิ๊กโจ๊ก"ร้องขอ 


อ่านเกมกฎหมาย ซึ่ง "บิ๊กโจ๊ก"วางหมาก

 

หาก"เเพทองธาร" ไม่ดำเนินการตามหนังสือฉบับนี้ของ "บิ๊กโจ๊ก"  เป็นไปได้ว่า "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" อาจฟ้องร้อง "เเพทองธาร" เพิ่มอีกหนึ่งคดี เเละนับเป็นเกมเทคนิคกฎหมายที่ "บิ๊กโจ๊ก" นำมาใช้เเทบทุกครั้ง

 

เพราะในครั้งนี้ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" อ้างความไม่เป็นธรรมของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ/ผบ.ตร.ที่เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาเเละเป็นคู่กรณีกับตัวเองเเละพวก กรณีการเเต่งตั้งพนักงานสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหา

 

นับเป็นกลยุทธที่ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" เเละพวกใช้ฟ้องร้องเเละร้องเรียนเสมอ เเละพบว่าคำร้องเรียน การฟ้องร้องเหล่านี้มักถูกยกคำร้องหรือไม่มีการพิจารณา

 

เป็นหนังสือฉบับแรก ของพล.ต.อ.สุรเชษฐฐ์ หักพาล ถึง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แพทองธาร ชินวัตร

ย้อนไปเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนนำสำนวน 60 แฟ้ม ส่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด สั่งฟ้อง 6 ผู้ต้องหาคดีเว็บพนัน "BNK MASTER" เครือข่ายเว็บพนันมินนี่ ฐานความผิดทำเว็บพนัน-ฟอกเงิน โดย "อัยการคดีพิเศษ" นัดฟังคำสั่งคดี วันที่11 ตุลาคม ในคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 24 คน ซึ่งมีชื่อของ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" พร้อมพวก 7 คนรวมอยู่ด้วย โดยสำนวนส่วนนี้อยู่ในการพิจารณาของสำนักงาน "ป.ป.ช."   

หากนับความคืบหน้าใน "คดีบีเอ็นเค มาสเตอร์"  รวมเข้าไป เท่ากับว่าโอกาสในการคัมเเบ็กย่านปทุมวันริบหรี่อีกชั้นหนึ่งสำหรับ "บิ๊กโจ๊ก" 

 

เปิดเอกสารฉบับแรก \"บิ๊กโจ๊ก\" ถึง\"นายกฯแพทองธาร\"กับความลับ\"ห้องอินทรี\"

"ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก"โยงสำนวนบก.ปปป.อย่างไร

 

หากพิจารณาสำนวน "คดีบีเอ็นเค มาสเตอร์"  "เนชั่นทีวี" พบพฤติกรรมบางอย่างของตำรวจกลุ่มนี้ที่สอดรับกับสำนวนของ "บก.ปปป." จำนวน 1,420 หน้า ที่ส่งให้ "ป.ป.ช." ดำเนินการนั้น "เนชั่นทีวี"เจาะข้อมูลในสำนวนของบก.ปปป.ที่ระบุพฤติการณ์ของนายตำรวจระดับนายสิบสองราย และ พันตำรวจโท ที่น่าสนใจคือ
 

ความลับในห้องอินทรีย์ กับมือวิ่งงาน,กดเงินให้นาย

 

สำนวนของ "บก.ปปป." รายงานว่า  บัญชีการตรวจยึดทรัพย์สิ่งของในบ้านพักซอยวิภาวดีรังสิต 60 ของ"พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2566 จำนวน 31 รายการ  ตรวจยึดได้จาก "ห้องอินทรีย์, โต๊ะข่าว, โต๊ะนาย"  ในบ้านพักซอยวิภาวดีรังสิต 60 นั้น


พบหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงกับข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ "พันตำรวจโท" ที่บันทึกไว้ในห้องสนทนา"แอปพลิเคชั่นไลน์" กับตำรวจหลายนายที่เป็นลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก" เพราะพนักงานสอบสวนเชื่อว่า  "มีการกำหนดไว้ว่าห้องนี้เป็นพื้นที่ส่งเอกสาร/ซองเงินไว้ในห้องนี้" และ "บันทึกภาพ" ก่อนจะส่งเข้า "ระบบแชทไลน์" เพื่อแจ้งว่า "ได้ดำเนินการแล้วและสิ่งต่างๆวางไว้ตามตำแหน่งที่บันทึกภาพไว้" 
 

แฟ้มภาพ สวนหนึ่งของ สำนวนของบก.ปปป. จำนวน 1,420 หน้า ที่ส่งให้ "ป.ป.ช." ระบุเกี่ยวกับห้องอินทรีย์ ซึ่งเป็นห้องที่ให้นายตำรวจส่งงาน ส่งของ มาในห้องนี้

พนักงานสอบสวนเชื่อว่า "ห้องอินทรี, โต๊ะข่าว, โต๊ะนาย" คือพื้นทื่ทำงานของ"พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์"  เเละเชื่อว่า "พันตำรวจโท" เป็น "ตัวกลาง" ในการประสานระหว่าง " พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" และลูกน้องเช่น นายตำรวจระดับสิบตำรวจเอก รวมทั้งคนอื่นๆ


โดยพบว่า สองนายตำรวจระดับสิบตำรวจเอก คือ ผู้ทำหน้าที่กดเงินจากตู้เอทีเอ็มตามคำสั่งของ พันตำรวจโทคนใกล้ชิด แล้วนำมาใส่ซองและเขียนกำกับว่าเป็นเงินของใคร,ค่าอะไร เเละนำไปวางไว้ใน "ห้องอินทรีย์" จาก นั้นนายตำรวจคนสนิท จะรายงานให้ "บิ๊กโจ๊ก" รับทราบตามลำดับ

 

"บก.ปปป." พบว่า นายตำรวจระดับสิบตำรวจเอก ใช้ชื่อในแอปพลิเคชั่นไลน์ ตามที่พันตำรวจโทบันทึกว่า "ก้อง วิ่งงาน"  โดยพบการแชทไลน์เรื่องปืน เพราะวันที่ 17 กรกฎาคม 2565  พันตำรวจโทคนสนิท ส่งสลิปโอนเงิน 139,000 บาท จากบัญชีธนาคาร( บัญชีม้า) ไปที่บัญชีของ สิบตำรวจเอก และบันทึกว่า "ค่าปืนนาย"     

จากนั้น นายตำรวจระดับสิบตำรวจเอก กดเงินแล้วใส่ซองเขียนหน้าซองว่า "ค่าปืนคืนนาย" เเละมอบให้ "นายรุต"( คนรับใช้ในบ้านพัก) นำไปวางไว้บน "โต๊ะข่าว/โต๊ะนาย" พร้อมรายงานด้วยภาพและข้อความกับ พันตำรวจโทคนสนิท ว่า "ให้พี่รุตวางบนโต๊ะข่าวเรียบร้อยครับ" ซึ่งพนักงานสอบสวนเชื่อว่า เป็นซองเงิน 139,000 บาทที่ส่งให้"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์"  


 

ส่วนนายตำรวจระดับสิบตำรวจเอกอีกราย ใช้ชื่อในแอพลิเคชั่นไลน์ว่า "หมู CCTV" พนักงานสอบสวนพบว่า มีการสนทนาและส่งภาพถ่ายทางแชทไลน์ระหว่าง นายตำรวจรายนี้ กับ พันตำรวจโทคนสนิท เช่น  ภาพซองสีขาวสี่ซอง  ระบุชื่อ "บุคคลและชั้นยศในราชการตำรวจ" ที่นายตำรวจท่านนี้ นำไปวางไว้บนโต๊ะใน "ห้องอินทรีย์"  แล้วส่งข้อความแจ้งพันตำรวจโทคนสนิทว่า "เรียบร้อยครับ"  ซึ่งบางซองมีภาพถ่ายเงินจำนวนมากที่เขียนหน้าซอง รวมทั้งภาพถ่ายซองเงินจากอาจารย์หยูและเอกสารงานปริวาสกรรมปี 2565 เป็นต้น ซึ่งเป็นการยืนยันว่า นายตำรวจท่านนี้ ปฏิบัติตามคำสั่งพันตำรวจโทคนสนิทเช่นกัน


ข้อมูลดังกล่าวของบก.ปปป.คือสิ่งบ่งชี้พฤติการณ์ข้างต้นของสองนายตำรวจชั้นประทวน ,พันตำรวจโทคนสนิท  และ"พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์" ว่า มีความเชื่อมโยงในการร่วมกระทำความผิดอย่างไร  


แม้" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" เเละพวกจะยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักกฎหมายจนกว่าศาลจะตัดสินคดีอันเป็นที่สิ้นสุด ก็ตาม เเละหากมีความคืบหน้าอื่นๆในสำนวน บก.ปปป. "เนชั่นทีวี" จะนำมารายงานให้สังคมรับทราบต่อไป