หากตั้งสมมติฐานทางการเมืองว่า 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ได้ไปต่ออีก 2 ปี บนปม 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แปลว่า "พล.อ.ประยุทธ์"ยังมีสิทธิป้องกันตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งส.ส.งวดหน้า โดยมีอายุงานสองปี+เป็น 1 ใน 3 แคนดิแดตประมุขฝ่ายบริหารตามบัญชีรายชื่อซึ่ง 1 พรรคการเมืองเสนอได้ และ 250 ส.ว.มีสิทธิลงมติเลือกสร.1 ร่วมกับส.ส.เป็นครั้งสุดท้ายตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
หากพ้นสองปีแล้ว "สภาผู้แทนราษฎร"จะเป็นผู้มีสิทธิลงมติ โดยยึดหลักเสียงเสียงข้างมากเลือกสร.1
ถามว่าวันนั้นพรรคใดจะเสี่ยงดวงเสนอชื่อ"ลุงตู่"เป็นวาระที่สามบ้าง..ตรงนี้น่าคิด
พล.อ.ประยุทธ์ จ้นทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
เพราะจังหวะแบบนี้เชื่อว่าแม้แต่คนใน"พรรคพลังประชารัฐ"ยังไม่กล้าที่จะวิจารณ์เหตุบ้านการเมืองในยามหน้าเลย อย่าลืมว่ากระแส"ลุงตู่"แม้จะสร้างผลงานในบางเรื่อง แต่วาระ 8 ปี ที่ทำงานมานั้น น่าเชื่อว่า จากนี้ไปจะมีการปั่นกระแสเชิงลบตามบทเพลงประจำกาย "เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน..." ว่า แปดปีที่ผ่านมานานพอหรือไม่? และกระแสนี้จะตีกลับไปยัง"ลุงตู่"แน่นอน
อย่าลืมหลักชัยบนตัวเลข150 ส.ส.ตามที่"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคพปชร.วางไว้กับการเลือกตั้งงวดหน้าบนกติกา 400 ส.ส.เขต100 ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับบัตรเลือกตั้งสองใบเพื่อชิงโอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลที่ต้องแข่งขันกับทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคขั้วตรงข้าม พรรคน้องใหม่ โดยตัดทิ้งพรรคจิ๋วๆออกจากสารบบไปได้เลย
เพียงเท่านี้ส.ส.ปัจจุบันและว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรค"ลุงป้อม"ยังเหนื่อยที่จะไปวอนของเสียงสังคมให้หนุนพปชร.อีกครั้ง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ดังนั้นเป็นไปได้ว่า ( หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเชิงบวกกับ"ลุงตู่"ตามเอกสารการต่อสู้ข้อกล่าวหาตามแนวทางของคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดพิเศษที่มาช่วยชี้ช่องการต่อสู้ ) รันเวย์สร.1สองปี น่าจะเป็นทางเลือกดีที่สุดซึ่ง"ลุงตู่"ใช้เป็นทางลง และไม่ควรเทกออฟสร.1คำรบที่สาม (หาก"ลุงตู่"จะยังมีส่วนร่วมทางการเมือง เช่น เป็นหัวหน้าพรรค/ลงสมัครส.ส./ดำรงตำแหน่งอื่นๆทางการเมืองก็ยังทำได้)
จึงเป็นคำถามในอนาคตว่า..หาก"ลุงตู่"เอ่ยคำว่า"ผมพอแล้ว" ใครจะเป็นตัวเลือกหนึ่งในสามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคในเครือ "3ป."บ้าง (พิเคราะห์บนหลัก 250 ส.ว.ยังมีสิทธิลงมติเลือกสร.1ได้เป็นครั้งสุดท้าย)
โดยสมมติฐานแรก คือ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน ที่ตอนนี้บารมีทางการเมืองเบ่งบานสุด แต่อาจติดเงื่อนไขอายุ สุขภาพ เพราะวัย 77 ปีของ"ลุงป้อม"นั้นอาจเป็นปัญหาบ้าง แต่อย่าลืมว่าผู้นำหลายประเทศทั่วโลก อายุอานามก็ใกล้เคียงพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์หลายคน หาก"ลุงป้อม" ยังพอไหวก็น่าจะลุยต่อ
แต่จากนี้ อย่าลืมจับกระแสและอารมณ์คนในสังคมด้วยว่า แฮปปี้กับสูตรนี้หรือไม่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 65 "นิด้าโพล"เปิดเผยผลสำรวจความนิยม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ในการปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกฯในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ไม่พึงพอใจ "ลุงป้อม" ตรงนี้ก็อาจเป็นเครื่องหมายตอกย้ำเส้นทางการเมืองของ"ลุงป้อม" หากริจะขยับตนขึ้นเป็นนายกฯ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
สมมติฐานที่สอง เลือก"ลุงป๊อก"เป็นแคนดิเดตสร.1 แนวทางนี้พอมีแววและพอยืนซดกับพรรคอื่นๆได้ ( แต่โอกาสน่าต่ำกว่า"ลุงป้อม" )เพราะ " พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" ยืนบนหลักน้ำนิ่งไหลลึก และเป็นคนสุขุม-เด็ดขาดในการตัดสินใจ แต่อย่าลืมว่าสัมพันธภาพของรมว.มหาดไทยคนนี้กับคนในพรรคตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นใช่ว่าจะอยู่ในเชิงบวก และที่ผ่านมาพี่รองแห่งค่าย"3 ป."กับจังหวะการเป็นข่าวทางการเมืองก็ใช่ว่าจะป๊อบปูลาร์เท่ากับลุงตู่และลุงป้อม (หรือหากเป็นไปได้"ลุงป๊อก"จะยังเป็นหนึ่งในครม.ชุดหน้าเพื่อกระชับภารกิจที่ยังไม่ลุล่วงของ3ป.ให้ถึงฝั่งเสียก่อนแล้วจึงวางมือ )
สมมติฐานที่สาม หาก"ลุงป้อม"ยังต้องทำหน้าที่หัวหน้าพรรค พปชร.ลุยหาเสียง แต่"ลุงป๊อก-ลุงตู่"ขอลงป้ายหน้า ใครจะเข้ามาเป็น"2ป.เวอร์ชั่น2"เพื่อช่วย"ลุงป้อม"ในยามหน้าบ้าง...เพราะมีเสียงเล็ดลอดมาพอให้จับจังหวะได้บ้างแล้วคือ"2พล.ต.อ.นอกราชการ"ที่ยังมีคอนเน็กชั่นแนบแน่นกับ"ลุงป้อม" เพราะคนหนึ่งใกล้ชิด"ลุงป้อม"แบบตัดไม่ขาด ( และเล่นบทใต้ดินมาหลากวาระในเวลาที่ผ่านมา ) อีกคนหนึ่งรับบทแม่ทัพเงาลุยสนามการเมืองในภาคอีสานยามนี้ให้"ลุงป้อม" สิ่งสำคัญสองบุรุษซึ่งเคยสวมเครื่องแบบสีกากีเมื่อวันวาน อักษรแรกของชื่อเล่นขึ้นต้นด้วย "ป."เสียด้วย
หาก 2ป.เวอร์ชั่น 2 ขึ้นมาเคียงข้างลุงป้อมแทน "ลุงตู่-ลุงป๊อก"แล้วนั้น สมมติฐานนี้ "คนการเมือง-สังคม" ยอมรับและให้โอกาส ลุงป้อมกับ2ป.เวอร์ชั่น 2 หรือไม่...