"เนชั่นทีวี" ยังเกาะติดสำนวนบก.ปปป.1,420 หน้า ที่ตรวจสอบจากคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของ "นายตำรวจคนสนิท" ลูกน้อง"พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล" โดยสำนวน มีการรายงานว่าที่ผ่านมา "นายตำรวจคนสนิท" ติดต่อบุคคลหลายหน่วยงานในการช่วยเหลือ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" ตกแต่งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องยื่นต่อสำนักงานป.ป.ช.และพบว่าบุคลากรสำนักงาน"ป.ป.ช." สามคนคือ นาย" ส. " นาย"จ." น.ส. "อ." ร่วมมือกับ"พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" และ "นายตำรวจคนสนิท"
"เนชั่นทีวี" เจาะข้อมูลได้ว่า "บก.ปปป."พบว่า ต้นเดือนมีนาคม2564 "นายตำรวจคนสนิท"ติดต่อ ว่าที่พตท.หญิง"ก."และตอนนี้ว่าที่พตท.หญิง"ก."ย้ายไปสังกัดสว.ตม.จังหวัดหนึ่ง ในตอนนั้น "นายตำรวจคนสนิท" โอนเงิน 4.4 หมื่นบาทเศษจาก "บัญชีม้า"ไปให้ ว่าที่พตท.หญิง"ก."ไปซื้อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องพร้อมเปิดระบบการใช้งานและจดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์แบบเติมเงิน และมีการใช้ชื่อ "ทัตเทพ" เป็นผู้จดทะเบียน ซึ่ง "ทัตเทพ" นั้น "บก.ปปป."พบว่าเป็นชื่อของนายตำรวจชั้นประทวนนายหนึ่ง ยศ "สตอ."
"สำนวนบก.ปปป." พบว่า ต่อมาว่าที่พตท.หญิง"ก." แจ้ง นายตำรวจคนสนิท ทางแอพลิเคชั่นแชทไลน์ว่า "ดำเนินการเรียบร้อย" โดยส่งหลักฐานการซื้อสมาร์ทโฟน/การเปิดระบบแอพลิเคชั่น/การจดทะเบียนการใช้โทรศัพท์มือถือในชื่อทัตเทพไปให้ จากนั้น นายตำรวจคนสนิท แจ้งให้ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" รับรู้กรณีนี้ และนายตำรวจคนสนิท นำสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ไปมอบให้นาย "ส."ไปใช้ โดย"บก.ปปป." เชื่อว่านาย"ส."ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ติดต่อทางลับและเป็นบัญชีอวตารในชื่อ "ทัตเทพ" ในการสื่อสารกับ "พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์" อีกหนึ่งช่องทาง
"เนชั่นทีวี" รายงานว่า สำนวนบก.ปปป.ระบุว่า นาย "ส." และพวกในสำนักงานป.ป.ช. ประสานงานกับ"นายตำรวจคนสนิท" และ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" อย่างต่อเนื่องในหลายวาระเกี่ยวกับการตกแต่งบัญชีทรัพย์สินฯ เช่น "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" อ้างว่าได้ค่านายหน้าจาก"อั๊ง เมืองชล"เซียนพระชื่อดังกว่าสิบล้านบาทที่แนะนำอดีตผู้ว่าฯคนหนึ่งให้ "อั๊ง เมืองชล" ไปซื้อพระเครื่องและนำเงินค่านายหน้าไปใช้ซื้อปืนหลายกระบอก ทั้งๆที่ความจริงนาย "ส." สั่งนาย "จ."ประสานนายตำรวจคนสนิท ในการจัดฉากถ่ายภาพเงินสดหลายสิบล้านบาทว่า อั๊ง เมืองชลมีเงินในการซื้อขายและชำระค่านายหน้าพระเครื่องและยังพบร่างหนังสือที่"อั๊ง เมืองชล" ต้องชี้แจงกับสำนักงาน "ป.ป.ช."ในเรื่องนี้ จากคอมพิวเตอร์ของ"นายตำรวจคนสนิท"เป็นต้น
แหล่งข่าวจาก"บก.ปปป."แจ้งว่ากรณี ว่าที่พ.ต.ท.หญิง”ก.”และ ส.ต.อ."ท" ร่วมมือกับ"นายตำรวจคนสนิท" ในประเด็นนี้นั้น ต้องรอผลการสอบสวนของสำนักงาน"ป.ป.ช."ให้เสร็จสิ้นก่อนว่า ตำรวจทั้งสองนายมีส่วนรับรู้และร่วมกระทำความผิดโดยทราบข้อเท็จจริงจากนายตำรวจคนสนิท หรือไม่ หากสำนักงาน "ป.ป.ช." ชี้มูลความผิดของตำรวจทั้งสองนาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงจะสอบสวนข้อเท็จจริงและสอบวินัยตำรวจทั้งสองนายต่อไปได้
แต่โดยทางกฎหมายนั้นการยินยอมให้บุคคลอื่นนำชื่อของตนไปจดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์มือถือ โดยที่ตัวเองไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นถือว่ามีความผิด
"ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐในกรณีนี้คือนาย"ส."เป็นคนรับสมาร์ทโฟนเครื่องนึ้จากนายตำรวจคนสนิท อาจมีความผิด“มาตรา128 พรป.ว่าด้วยการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต พศ.2561 "ที่ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐรับทรัพย์สิน/ประโยชน์อื่นใดอันคำนวณเป็นเงินได้(ไม่เกินสามพันบาท) จะมีความผิดจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับรวมทั้งอาจมีความผิดในประกาศหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พศ. 2563 “ของสำนักงานป.ป.ช.ด้วย ส่วนผู้ให้สมาร์ทโฟนคือ"นายตำรวจคนสนิท" นั้น อาจมีความผิดข้อหาให้ทรัพย์สินฯเกินสามพันบาทเพราะฝ่าฝืนกฎหมายเช่นกัน"
"เนชั่นทีวี" ยังพบว่า ความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงและข้อวินัยของบุคคลใน "สำนวนบก.ปปป."ที่ยื่นให้สำนักงาน "ป.ป.ช."ไปหลายเดือนแล้วยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควรและตอนนี้บุคคลในระบบราชการที่เกี่ยวพันกับกรณีนี้ยังได้ปรับเลื่อนตำแหน่งและยังไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนและมาตรการลงโทษใดๆออกมาให้สังคมรับทราบเเต่เนชั่นทีวีจะเกาะติดเเละรายงานความคืบหน้าให้สังคมทราบเป็นระยะ
ชมคลิปย้อนหลัง >>> ผ่าขุมทรัพย์ "บิ๊กโจ๊ก"
ชมคลิป >>>สืบสวนความจริง "เจาะลึกสำนวนลับ แชทไลน์ปริศนา"
ชมคลิป >>> ถอดรหัสขุมทรัพย์ "บิ๊กโจ๊ก"