svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

อ่านจังหวะ"ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก"ลุยไฟ กลเกมเทคนิคทางกม. เพื่อหวังผลบางประการ

การเดินเกมสู้คดีของ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล" และพวก นับว่าวางจังหวะไว้หลายมุมที่ประเมินได้ว่า "บิ๊กโจ๊ก"และพวก ต้องการเบนความสนใจ? ติดตามได้ โดย" เมฆา ในวายุ"

การเดินเกมสู้คดีของ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล"และพวก นับว่าวางจังหวะไว้หลายมุมที่ประเมินได้ว่า"บิ๊กโจ๊ก"และพวกต้องการ เบนความสนใจ/สร้างประเด็นใหม่ขึ้นมา เพื่อนำไปประกอบกับเหตุในอดีตในการเลี่ยงบาลี ด้วยการใช้เทคนิคและหาแง่มุมทางกฎหมาย ด้วยการนำเสนอข่าวให้สังคม"ตามประเด็นใหม่/ลืมประเด็นเก่า"เพื่อหาช่องพลิกโอกาสของตัวเองและพวกให้พ้น "บ่วงกรรม"
 
เพราะตั้งแต่เกิดเหตุบุกค้นบ้านพักซอยวิภาวดีรังสิต ช่วงปลายเดือนกันยายน2566จนถึงตอนนี้ สังคมจะพบว่าบิ๊กโจ๊กและพวกเดินหน้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม/ฟ้องร้อง/เดินสายออกสื่อ (ในจังหวะที่เป็นคุณกับตัวเองและพวก)แทบทุกองค์กร โดยเน้นการใช้เทคนิคและช่องว่างทางกฎหมายมาอธิบายความ(นัยว่าเลือกใช้ข้อกฎหมายเพื่อหักล้างข้อเท็จจริงในสำนวนคดี)และพยายามบอกว่า "โดนรุม" โดยไม่มองเส้นทางของตัวเองและพวกในวันวานที่ริเริ่มไว้ว่าสร้างบาดแผลให้ใครไว้บ้างในย่านปทุมวัน รวมทั้งเลี่ยงที่จะชี้แจงแถลงไขในรายละเอียดและประเด็นที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาหรือยามเพลี้ยงพล้ำ

แต่การขยับจังหวะแทบทั้งหมดพบว่า ในตอนนี้ยังไม่มีแรงบวกให้บิ๊กโจ๊กกับพวกได้คะแนนขึ้นมาเลย....แต่ทำไม "บิ๊กโจ๊กกับพวกยังเดินเกมเหล่านี้แบบต่อเนื่อง? ดังนั้นการถอดรหัสและจับจังหวะของพวกเขานั้นจึงน่าวิเคราะห์ "เนชั่นทีวี"จะเจาะเหตุการณ์สำคัญของตัวละครบางชีวิตใน"เครือข่ายบิ๊กโจ๊ก"ที่น่าจะเชื่อมโยงกันตามลำดับ
  อ่านจังหวะ\"ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก\"ลุยไฟ กลเกมเทคนิคทางกม. เพื่อหวังผลบางประการ

โดยล่าสุดต้องจ้บจ้องไปที่การเคลื่อนไหวล่าสุดของ"คริษฐ์  ปริยะเกตุ"เพื่ออ่าน "นัย"ที่แฝงไว้ว่า พวกเขาคิดและจะทำอะไร?
 
สารตั้งต้นที่ชำระความ"บิ๊กโจ๊ก"กับพวกนั้น อย่าลืมว่าพนักงานสอบสวนแกะรอยเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ "มินนี่และบีเอ็นเค มาสเตอร์" ในทางลับตั้งแต่ยุค "พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสสร์" บัญชาการที่สตช.และขยายผลสืบเนื่องมาจนวันนี้จนบ่วงกรรมบีบเส้นทางของ "บิ๊กโจ๊ก"กับพวกแคบลงเรื่อยๆเพราะข้อมูลของ บก.ปปป. ที่เช็กจากโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ของคริษฐ์ไว้ว่าสื่อสารกับใคร/บนบทบาทอะไรบ้าง,,,,คือตะปูตอกฝาโรงหนึ่งดอกกับมหากาพย์สีกากีเรื่องนี้

ล่าสุดวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา อดีต "พ.ต.ท.คริษฐ์" ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์และคนสนิทของ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน แจ้งความดำเนินคดีกับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง(พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร.เป็นประธาน) และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ตามคำสั่ง ตร.ที่ 177/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567 และคำสั่ง ตร.ที่ 309/2567 ลงวันที่ 19 มิ.ย.2567รวม15นาย ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 83 และมาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 4 และมาตรา 172
 

อ่านจังหวะ\"ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก\"ลุยไฟ กลเกมเทคนิคทางกม. เพื่อหวังผลบางประการ

สิ่งที่ "คริษฐ์อ้างกับสน.ปทุมวันคือ พบเส้นเงินที่ไปถึงภรรยากับเครือญาติของผบ.ตร. /นายตำรวจคนสนิทของ ผบ.ตร. /สส.และข้าราชการส่วนท้องถิ่นจ.สงขลา/ตำรวจในหน่วยงานอื่นๆจากพิมพ์วิไล ปล้องอ่อน (พิมพ์วิไลถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำธุรกรรมให้เว็บพนันบีเอ็นเค มาสเตอร์ โดยทนายความของบิ๊กโจ๊กและทนายตั้มเปิดข้อมูลนี้จำนวน34 เส้นเงินที่พาดพิงว่าจ่ายใครบ้างเมื่อหลายเดือนก่อน)
 
"คริษฐ์" ให้การโดยสรุปว่าได้ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการฯในวันที่ 19 สิงหาคม และอ้างว่า วันนั้นได้ให้การพาดพิงถึงข้าราชการตำรวจและบุคคลอื่นๆรวม 33 คน ในประเด็น "พิมพ์วิไล" (อ้างอิงสำนวนคดีของสน.เตาปูน) โอนเงินเข้าบัญชีบุคคลทั้ง 33 คน แต่...คณะกรรมการฯและผู้ช่วยเลขานุการฯ ไม่ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงตามที่ "คริษฐ์อ้างว่า"ได้ให้ข้อมูลไปแล้ว" และส่งเรื่องนี้ไปให้ผบ.ตร.พิจารณา โดยไม่ปฏิบัติตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ข้อ 28 วรรคแรก ที่ต้องตรวจสอบรวมถึงพิจารณาในเบื้องต้นเสียก่อนว่า ข้าราชการตำรวจผู้ถูกพาดพิงมีส่วนร่วมกระทำการในเรื่องที่สอบสวนนั้นด้วยหรือไม่
 
"คริษฐ์" ให้การโดยสรุปว่า  ยังไม่พบว่า ผบ.ตร.สั่งการให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยและดำเนินการทางอาญากับตำรวจและบุคคลอื่นๆทั้ง 33 คน รวมทั้งพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ที่ถูกพาดพิงในเรื่องนี้ด้วย และผบ.ตร.ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังนายกรัฐมนตรีว่า "การกระทำนี้เป็นเจตนาทุจริต/ ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย /ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย" จึงขอให้พนักงานสอบสวน ผู้มีอำนาจหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการ เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดว่าตำรวจและบุคคลอื่นรวม 33 คนที่ถูกพาดพิงว่ามีการรับโอนเงินจากพิมพ์วิไลหรือไม่
 
และ "คริษฐ์ " ยังอ้างว่า "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยื่นหลักฐานเหล่านี้ให้ "พล.ต.อ.สราวุฒิ" แล้วในวันที่ 20 สิงหาคม แล้วเช่นกัน
 
สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตคือ "คริษฐ์ "ไม่ได้อ้างกับสน.ปทุมวันว่า "ได้ข้อมูลพยานหลักฐานเหล่านี้จากพิมพ์วิไลอย่างไรและมีความน่าเชื่อถือตามกฎหมายหรือไม่"...ตรงนี้น่าพินิจเพราะโดยหลักกฎหมายนั้น "หากได้พยานหลักฐานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย สิ่งเหล่านี้จะปราศจากน้ำหนักในทางคดีทันที"
 
(หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า เป็นเพราะว่าคริษฐ์กับพิมพ์วิไลเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันบีเอ็นเค มาสเตอร์ร่วมกัน และหากไล่พินิจต่อไปอีกชั้นหนึ่งว่า ถ้าทั้งสองคนรู้จักกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่า "คริษฐ์ รับรู้ว่า พิมพ์วิไลกระทำความผิดเมื่อหลายปีก่อนจนถึงช่วงถูกจับกุม  และช่วงก่อนถูกจับกุม "คริษฐ์" ยังทำหน้าที่ตำรวจ ไฉนตอนนั้นคริษฐ์”จึงละเว้นการปฏิบัติหน้าที่..ไม่แจ้งข้อมูลเพื่อจับกุมพิมพ์วิไลในช่วงกระทำความผิด รวมทั้งการละเว้นนั้นคริษฐ์และบิ๊กโจ๊กได้ประโยชน์อันใดหรือไม่?” )
 
การร้องทุกข์กล่าวโทษของ"คริษฐ์" พบว่า ข้อมูลดังกล่าวคล้ายกับข้อมูลที่ "ษิทรา เบี้ยบังเกิดและทีมทนายความของบิ๊กโจ๊กเคยแสดงต่อสังคมเมื่อหลายเดือนก่อนเป็นอย่างยิ่ง....เพราะจังหวะของ”ทนายตั้ม”ที่ออกตัวเมื่อหลายเดือนก่อนในการปะทะกับผบ.ตร.(ทนายตั้มร้องเรียนผบ.ตร.กับบก.สอบสวนกลาง/สน.เตาปูน/ป.ป.ช.) ในประเด็นการรับเงินเว็บพนันและอื่นๆเคียงข้างกับช่วงที่  "ณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ และ วราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ" ทีมทนายความของ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์แถลงต่อสู้กับพนักงานสอบสวน โดยช่วงหนึ่งมีการแสดงผังเส้นเงินบางส่วนของ "พิมพ์วิไล" ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำธุรกรรมให้เว็บพนันบีเอ็นเค มาสเตอร์  34 เส้น
 
(โดยอ้างว่าขอเส้นเงินเหล่านี้จากพิมพ์วิไลและทนายความมาแถลง) และบางเส้นเงินยิงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่ไม่มีการออกหมายจับ และเลือกออกหมายจับเฉพาะ รวมทั้งยังอ้างว่าพิมพ์วิไลเคยร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมและแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.คอหงส์ จ,สงขลาว่า มีเจ้าพนักงานเรียกรับเงินแต่ไม่มีความคืบหน้า)
 
อีกทั้งทนายตั้มยังร้องเรียนว่า คดีไม่คืบเพราะ "ตำรวจไม่กล้าจับเบอร์1ของวงการตำรวจ แต่เลือกปฏิบัติในคดีบิ๊กโจ๊ก"
 
เกมหน้าฉากที่ทนายตั้มดำเนินการอยู่นั้น  อย่าลืมว่า "ทนายตั้ม"แสดงบทบาทวิวาทะกับคู่กรณีบิ๊กโจ๊กเสมอๆตั้งแต่ "พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา จนถึง "บิ๊กต่อ" และบางเรื่องที่ "ทนายตั้ม "ร้องเรียนนั้นเริ่มส่อเค้าออกมาแล้วว่าอะไรจริง-อะไรปลอม,,,,
 
สังคมควรไล่ตรวจสอบข่าวสารที่ "ทนายตั้มเคยแสดงกับสื่อมวลชนในคดีต่างๆ ตามที่ทนายตั้มรับบทนักแสดงนำด้วยว่า คดีเหล่านั้นมีที่มาที่ไปของคดีอย่างไร /ใึครบอกบท และลองไล่ปูมหลังของ "ทนายตั้มด้วยว่า วันวานจนวันนี้นั้นคดีใดที่ "ทนายตั้มว่าความ "ประสบความสำเร็จ/ล้มเหลวบ้าง.."
 
ย้อนไปส่องคดีมินนี่ 2  พบว่า กรณีนี้ "ป.ป.ช.รับไต่สวน 5 นายตำรวจ คือ 1.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 2.พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ (ข้าราชการบำนาญ) 3.พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล 4.พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร และ5.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับ "มินนี่" บวกกับพนักงานสอบสวนตั้งสำนวนและส่งให้ปปช.ดำเนินการว่า ในเครือข่าย BNK  MASTER ซึ่งมี”พิมพ์วิไลและณพรรษกรณ์ (อู๊ด) แหเกิด” เป็นกลุ่มผู้จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์/จ่ายผลประโยชน์ให้ตำรวจในเครือข่ายของ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" ซึ่งคดีนี้ "ป.ป.ช.รับไว้ทำการไต่สวน 7 ราย ( พตท.คริษฐ์   ปริยะเกตุ ,พิมพ์วิไล ,เบญจมิน แสงจันทร์,พตอ.กิตติชัย  สังขถาวร ,สตอ.ณัฐวุฒิ  หวัดแวว ,สตอ.ณัฐนันท์   ชูจักร ,พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ) ที่ตอนนี้คดีอาจพลิกได้ว่า การร่วมกันฟอกเงินนั้น  แท้จริงแล้วนายตำรวจเหล่านี้มิได้ใช้อำนาจหน้าที่กระทำการ และการฟอกเงินนั้น ตามกฎหมายแล้ว ป.ป.ช.ต้องส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ ตรงนี้ต้องติดตามว่า "ป.ป.ช.จะเลือกเดินอย่างไร
 
อ่านจังหวะ\"ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก\"ลุยไฟ กลเกมเทคนิคทางกม. เพื่อหวังผลบางประการ

ฉะนั้นหากไล่ดีๆจากสิ่งที่อธิบายในข้างต้น จะพบว่า มีการวางบทของตัวละครแวดล้อม "บิ๊กโจ๊ก "และเครือข่ายพนันออนไลน์ไว้เป็นขั้นตอนดั่งบทละคร เพราะตัวละคร/บัญชีม้าในสองเว็บพนันออนไลน์คือเครือข่ายที่พนักงานสอบสวนพบว่าเชื่อมโยงกันและกันรวมทั้งลิงก์กับทีมงานของ "บิ๊กโจ๊ก "อย่างแนบแน่นจึงสั่งลุยไฟและใครบางคนอาจเสียเปรียบเต็มร้อยจึงปรับบทใหม่ในการต่อสู้
 

เกมนี้ที่ "คริษฐ์และ "บิ๊กโจ๊ก" ขยับที่สน.ปทุมวันนั้น อาจเป็นแผนซ้อนแผนที่ยั่วและทำให้สร.1รวมทั้งพนักงานสอบสวนหลงประเด็นและสั่งฟ้องซ้ำ (เพราะป.ป.ช.รับสำนวนนี้ไปแล้ว) จนวันข้างหน้าอาจเกิดการยกฟ้องได้ในภายหลัง
 
แต่ใครจะเชื่อ-ใครหลงกล-ใครทันเกม
ต้องอ่านจังหวะจากต่อไป
และใครจะตกม้าตายในตอนหลัง.....