ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา พบว่า ประชาชนมากกว่า 75 ล้านคนในสหรัฐฯ ใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีล่วงหน้าแล้ว หรือกว่า 48% ของจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีทั้งหมดในปี 2563
ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ นิวยอร์กไทมส์ และวิทยาลัยเซียนา เผยแพร่ผลสำรวจความเห็นของผู้ที่มีแนวโน้มใช้สิทธิเลือกตั้ง พบว่า รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนิยมสูสีกันในรัฐ 7 รัฐสมรภูมิ (battleground state or swing stage) ที่คาดว่าจะเป็นตัวกำหนดผลเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ โดยแฮร์ริสมีคะแนนนิยมนำทรัมป์ฉิวเฉียดที่ 49% ต่อ 46% ในรัฐเนวาดา, นำ 49% ต่อ 47% ในรัฐวิสคอนซิน, นำ 48% ต่อ 46% ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา และนำ 48% ต่อ 47% ในรัฐจอร์เจีย
ส่วนทรัมป์มีคะแนนนิยมนำแฮร์ริส 49% ต่อ 45% ในรัฐแอริโซนา ขณะที่ทั้งคู่เสมอกัน 48% ในรัฐเพนซิลเวเนีย และเสมอกัน 47% ในรัฐมิชิแกน
นอกจากนี้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 8% บอกว่า เพิ่งตัดสินใจเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่าจะโหวตให้ใคร และ 55% ในกลุ่มนี้ บอกว่า สนับสนุนแฮร์ริส ขณะที่ 44% บอกว่า สนับสนุนทรัมป์ ส่วนอีก 11% ยังไม่ตัดสินใจ ลดลงจาก 16% ในการสำรวจเมื่อเดือนที่แล้ว
และในรัฐสมรภูมิทั้ง 7 แห่ง พบว่า ผู้ตอบคำถาม 24% บอกว่า เศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการจ้างงานและตลาดหุ้น เป็นเรื่องที่พวกเขากังวลอันดับหนึ่ง และ18% ให้ความสำคัญเรื่องสิทธิการทำแท้ง และ 15% วิตกเรื่องปัญหาผู้อพยพ
นอกจากนี้แฮร์ริสมีคะแนนนิยมน้อยกว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งปี 2563 ในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งวัยหนุ่มสาว, ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวสี และผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มชาวละติน