ผู้หญิงหลายพันคนเดินขบวนในกรุงวอชิงตัน ไปยังทำเนียบขาวเมื่อวันเสาร์ หลังจากมีนักเคลื่อนไหวคนดังร่วมกล่าวปราศรัยเพื่อแสดงพลังของผู้หญิง และเรียกร้องสิทธิการทำแท้งและประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับผู้หญิง โดยมีผู้ชายบางคนเข้าร่วมเดินขบวนด้วย พวกเขาเรียกร้องให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดี และลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับการแก้ไขสิทธิการทำแท้ง ที่หลายรัฐเปิดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมโหวตในวันเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ด้วย
ผู้ชุมนุมหลายคนตะโกนเรียกร้องว่า การทำแท้งเป็นเสรีภาพ และชูป้ายประท้วงที่มีข้อความเช่น “โหวตเพื่อสกัดกั้นประธานาธิบดีที่ไม่ต้องการ” หรือ “ที่ของผู้หญิงอยู่ในทำเนียบขาว” และ “เราจะไม่ถอยหลังกลับไป”
สิทธิทำแท้งกลายเป็นประเด็นสำคัญเหนือเงินเฟ้อสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หญิงอายุต่ำกว่า 30 ปี ในการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครประธานาธิบดี หลังจากรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส กลายเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตแทนประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ผู้หญิงกล่าวโทษว่า การจำกัดสิทธิทำแท้งเป็นผลมาจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แต่งตั้งผู้พิพากษาหัวอนุรักษ์นิยมเข้าสู่ศาลฎีกาสหรัฐฯ ที่มีมติในปี 2565 ล้มคำตัดสินคดีโรแอนด์เวดเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ทำให้สิทธิทำแท้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายภายใต้การคุ้มครองของรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลง และหลายรัฐทยอยประกาศใช้กฎหมายที่ห้ามหรือเพิ่มข้อกำจัดการทำแท้งเข้มงวดยิ่งขึ้น โดยขณะนี้มีการห้ามทำแท้งในเกือบทุกกรณีใน 13 รัฐ
และในปีนี้มี 10 รัฐ ซึ่งรวมถึง แอริโซนา, ฟลอริดา, เนวาดา และนิวยอร์ก ที่เปิดให้ประชาชนออกเสียงเกี่ยวกับมาตรการทำแท้งในวันเลือกตั้ง ซึ่งมีทั้งมาตรการคุ้มครองเสรีภาพอนามัยเจริญพันธุ์, เพิ่มการคุ้มครองสิทธิการทำแท้งมากขึ้น หรือจำกัดการทำแท้งเข้มงวดขึ้น หรือ คว่ำกฎหมายของรัฐฉบับปัจจุบันที่เกี่ยวกับการทำแท้ง