3 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบังคับการปราบปราม (กองปราบ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา "เจ๊อ้อย" นางจตุพร อุบลเลิศ พร้อมด้วย นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความเจ๊อ้อย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม
กรณีแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี "ทนายตั้ม" ทนายดัง ฐานฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเช้านั้น ทั้งเจ๊อ้อยและทนายความได้เข้าตึกกองบังคับการปราบปรามจากด้านหลัง ไม่ได้พบปะสื่อมวลชนหลากหลายสำนักที่ปักหลักรายงานข่าวอยู่บริเวณด้านหน้าอาคาร
นอกจากนี้ ระหว่างวันผู้สื่อข่าวต่างได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อสอบถามความเคลื่อนไหวและความคืบหน้าจาก นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของ "เจ๊อ้อย" กับ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. และ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผู้กำกับการ กองกำกับการ 3 บก.ป. แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา ปรากฏกระแสข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขอหมายจับทนายทนายตัม ต่อศาลจังหวัดนครพนม
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รีบต่อสายไปยัง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ก่อนได้รับคำตอบปฏิเสธว่ายังไม่มีเรื่องดังกล่าว พร้อมชี้แจงว่า ตามขั้นตอนแล้วจะต้องมีการสอบปากคำ "เจ๊อ้อย" เสร็จสิ้นก่อนซึ่งถ้าสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะต้องดูพยานหลักฐานประกอบด้วย ทำให้ไม่สามารถสรุปได้ทันทีว่าจะมีการขอศาลออกหมายจับหรือไม่ อย่างไร
รวมทั้งในส่วนของทนายตั้มเองก็ยังไม่ได้มีการติดต่อมายังตำรวจ และตำรวจก็ยังไม่ได้ติดต่อไปที่ทนายตั้มแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ "เจ๊อ้อย" ซึ่งขณะนี้ล่วงเลยมากกว่า 6 ชม. แล้ว
ขณะที่แหล่งข่าวภายในกองบังคับการปราบปราม ระบุว่า คดี เจ๊อ้อย กับ ทนายความชื่อดัง 71 ล้านบาท นั้น ยังมีหลายประเด็นที่ทางพนักงานสอบสวนต้องการรวบรวม เพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่แน่นหนามากเพียงพอประกอบสำนวนและเอาผิดคู่กรณีได้
ส่วนประเด็นที่ต้องมีการสอบปากคำเพิ่มนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด ส่วนทนายความคู่กรณีจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประสานเข้ามาขอพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่งเป็นไปตามที่มีข่าวปรากฏว่าทนายความคนดังกล่าวรอให้ทางตำรวจติดต่อไปก่อน
ด้านแหล่งข่าว เปิดเผยเพิ่มเติมว่า คณะทำงานยังต้องนำพยานหลักฐานมาพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อพิจารณาต่อไปว่า จะออกหมายเรียกให้คู่กรณีเข้ามาให้ปากคำก่อน
หรือจะดำเนินการขออำนาจศาลออกหมายจับ ซึ่งเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่ขอให้สื่อมวลชนและสังคมอดใจรอสักระยะ แล้วจะมีข่าวที่ทุกคนตั้งตารอคอยอย่างแน่นอน