svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เลือกตั้ง USA

ปัจจัยเรื่องเพศจะตัดโอกาสชนะของ “แฮร์ริส” หรือไม่

กมลา แฮร์ริส แสดงความมั่นใจว่า ชาวอเมริกันพร้อมเลือกประธานาธิบดีหญิงคนแรก แต่ด้วยช่องว่างระหว่างเพศที่ขยายกว้างมากขึ้น และกลยุทธ์หาเสียงที่ชูนโยบายดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หญิง ก็ทำให้สูญเสียเสียงสนับสนุนจากผู้ชายไปไม่น้อย

รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ให้ส้มภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีเมื่อวันอังคาร (22 ตุลาคม) และตอบคำถามเรื่องที่มีกระแสว่า การกีดกันทางเพศอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้หรือไม่ เธอบอกว่า ไม่กังวลเรื่องนี้ และไม่คิดว่าใครในประเทศนี้จะเลือกผู้นำด้วยเรื่องเพศหรือเชื้อชาติของผู้สมัคร และผู้นำควรได้คะแนนเสียงจากนโยบาย และสิ่งที่จะทำเพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายต่าง ๆ

หากเธอชนะเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ จะสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีหญิงเชื้อสายเอเชียและผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ

แต่ผลสำรวจของเอพี และ NORC Research Center เมื่อเดือนกันยายน พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 38% คิดว่า ความเป็นผู้หญิงจะลดทอนโอกาสชนะเลือกตั้งของแฮร์ริส และมีเพียง 13% คิดว่า ความเป็นผู้ชายจะกระทบต่อโอกาสชนะเลือกกตั้งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ยิ่งกว่านั้นที่ผ่านมานโยบายหาเสียงของเธอมุ่งเน้น เรื่องสิทธิการทำแท้ง ที่ดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้หญิงเป็นหลัก จึงเป็นเหตุผลที่เธอได้คะแนนนิยมอย่างมากจากหญิงสาว โดยผลสำรวจของนิวยอร์กไทมส์ และเซียนา คอลเลจ 3 ครั้งนี้ในปีนี้ พบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนิยมนำทรัมป์ในกลุ่มผู้ตอบคำถามหญิงสาวที่ 67% ต่อ 28% ขณะที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนิยมนำห่างในกลุ่มชายหนุ่มที่ 58% ต่อ 37%

ส่วนสิ่งที่ทำให้ทรัมป์ดึงดูดความนิยมจากชายหนุ่มได้ คือ ฐานะร่ำรวย, ชื่อเสียง และครอบครัว ภาพลักษณ์ของมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จ แม้ผ่านมานานแล้ว ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับแรงงานผู้ชาย, คนเหยียดเพศ และคนหัวอนุรักษ์ที่อยากให้ขึ้นกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้า

ปัจจัยเรื่องเพศจะตัดโอกาสชนะของ “แฮร์ริส” หรือไม่

และผลสำรวจของ NAACP องค์กรสิทธิพลเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เมื่อเดือนกันยายน พบว่า ชายผิวสีวัยหนุ่มมากถึงกว่า 1 ใน 4 อาจลงคะแนนให้ทรัมป์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่ก่อนหน้านั้นประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้คะแนนเสียงจากชายผิวสีมากถึงเกือบ 80% ในการเลือกตั้งปี 2563

ตัวเลขชายผิวสีที่สนับสนุนแฮร์ริสต่ำกว่าคะแนนเสียงที่ ไบเดนได้รับในปี 2563 ทำให้ทีมหาเสียงของแฮร์ริส และผู้สนับสนุน รวมถึง บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ เร่งหาเสียงเพื่อโน้มน้าวกลุ่มชายผิวสีในรัฐมิชิแกนและรัฐสวิงสเตทอื่น ๆ ที่มีการแข่งขันสูสีและอาจแพ้ชนะกันด้วยคะแนนเสียงเพียงฉิวเฉียด แล่ะแฮร์ริสต้องเข็นนโยบายใหม่เพื่อดึงดูดชายผิวสี เช่น สินเชื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดย่อม และโอกาสเข้าถึงอุตสาหกรรมกัญชาเพื่อนันทนาการอย่างถูกกฎหมาย

ขณะที่โอบามาวิจารณ์ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวสี ที่คิดว่าจะไม่ไปใช้สิทธิหรือโหวตให้ทรัมป์ แทนที่จะเลือกแฮร์ริส โดยบอกว่า ความคิดที่จะโหวตให้คนที่มีประวัติดูหมิ่นคนผิวสี เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

ความเห็นดังกล่าวทำให้เจอโต้กลับจากชายผิวสีที่คิดจะลงคะแนนให้ทรัมป์ โดยคนหนึ่ง ซึ่งเคยสนับสนุนโอบามา บอกว่า ผิดหวังกับคำพูดของโอบามา และบอกด้วยว่า รู้สึกเกลียดที่ในการเลือกตั้งทุกครั้ง จะมีการชูประเด็นเรื่องเชื้อชาติและผู้หญิงเพื่อชนะการเลือกตั้ง  และอีกคนบอกว่า สาเหตุที่เลือกทรัมป์เพราะนโยบายของทรัมป์สอดคล้องกับความเชื่อของชาวคริสต์และค่านิยมของเขา