ปัจจุบันโลกกำลังเผชิยกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่มีความรุนเเรงมากยิ่งขึ้น ภาวะโลกร้อน คือ การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือนกระจก หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า Green house effect ซึ่งมีต้นเหตุจากการที่มนุษย์ ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ การขนส่ง และการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม
พร้อมกับการที่เราตัดและทำลาย ป่าไม้จำนวนมหาศาลเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ทำให้กลไกในการดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพลง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน มีมูลเหตุมาจากการปล่อยก๊าซพิษต่างๆ ทำให้แสงอาทิตย์สามารถส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นที่รู้จักกันโดยเรียกว่า สภาวะเรือนกระจก
ซึ่งล้วนส่งผลกระทบในหลายด้าน เช่น
1.ด้านนิเวทวิทยา ทำให้ภูเขาน้ำเเข็งละลายตัว ส่งผลกระทบให้เกิดภาวะน้ำท่วม กระทบถึงวงจรชีวิตสัตว์ต่างๆ นักกวิจัยได้มีการคาดประมาณอุณหภูมิผิวโลกในอีก 100 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี 2643 ว่า อุณหภูมิจะสูงขึ้นจากปัจจุบันราว 4.5 องศาเซลเซียส
2.ด้านเศรษฐกิจ เมื่อระบบนิเวศเปลี่ยนไป ส่งผลกระทบให้เกิดความเปลี่ยนทางด้านเศรษฐกิจ โดยธุรกิจที่เกี่ยวของกับการท่องเที่ยว หรือพื้นที่ธรรมชาติอาจได้รับผลกระทบ เช่น ปะการังถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเล
3.ด้านสุขภาพ อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้เชื้อโรคสามารถเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำมาซึ่งโรคภัยต่าง ๆเป็นอันตราย
วันที่ 4 ธันวาคม วันสิ่งเเวดล้อมไทย ข้อมูลจาก สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของวันสิ่งเเวดล้อมไทย ไว้ว่า
ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ปี พ.ศ.2532 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดํารัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าถวายพระพร เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน โดยมีใจความเกี่ยวกับ
“สถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และของโลกที่มีความรุนแรงขึ้น และทรงห่วงใยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ประชาชนชาวไทยกําลังประสบอยู่ พร้อมทั้งตรัสเตือนพสกนิกรให้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ด้วยความสุขุมรอบคอบ โดยให้ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องปฏิบัติ มิใช้เพียงเพื่อประเทศไทย เท่านั้น หากเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของโลกด้วย”
คณะรัฐมนตรีในช่วงเวลานั้น จึงได้มีมติ ประกาศให้ วันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย
นอกจากนี้ในวันที่ 4 ธันวามคม ยังเป็นวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ หรือ วัน ทสม. แห่งชาติ อีกด้วย
สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย ได้เชิญชวนประชาชนร่วมอนุรักษ์ สิ่งเเวดล้อมในวันสิ่งเเวดล้อมไทย ปี 2567 ภายใต้เเนวคิด
"รวมพลังลดโลกเดือด : เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก"
ร่วมกันใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ลดของเสีย ขยะ และมลพิษ เพื่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดีอย่างยั่งยืน
กิจกรรมวันสิ่งเเวดล้อม
หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ร่วมกันจัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมไทย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม อาทิ
1. ทำบุญตักบาตร
ช่วงเช้าของวันที่ 4 และ 5 ธันวาคม หน่วยงานที่จัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมไทย ร่วมกันทำบุญ ตักบาตร ในวัดใกล้เคียงชุมชน เพื่อถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
2. เก็บขยะ ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในชุมชน
ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกันปรับภูมิทัศน์ เก็บขยะ และฟื้นฟูแม่น้ำลำคลอง รวมถึงพื้นที่สาธารณะ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในชุมชน
3. ปลูกต้นไม้
หลายหน่วยงานเลือกทำกิจกรรมปลูกต้นไม้ สร้างพื้นที่สีเขียวให้กับป่าไม้ และพื้นที่ต่างๆ ในชุมชน เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ อันเป็นแหล่งต้นน้ำ ลำธาร เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย
4. รณรงค์ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก
หน่วยงานต่างๆ รณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก เพื่อช่วยลดการเสื่อมโทรมของน้ำและดิน จากถุงขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ เกิดการปนเปื้อนไปกับน้ำและดิน การใช้ถุงผ้าจึงช่วยลดปริมาณขยะถุงพลาสติกในสิ่งแวดล้อมได้
โดย "บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์)" นำโดย "นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)" ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญทาด้านสิ่งเเวดล้อม จึงได้จัดทำแผนขับเคลื่อน “เครือเนชั่น” สู่ความยั่งยืน ตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงผนึกกำลังสื่อในเครือร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกสู่สังคมยั่งยืน และยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมโดยมูลนิธิเนชั่น ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs 2030
ซึ่งได้เเบ่งการดำเนินการเป็นสองส่วน ส่วนแรก คือ การลดคาร์บอนโดยมีการตั้งเป้าลดอัตราการปล่อยคาร์บอนในปี 2025 ส่วนที่สอง คือ การสร้างสังคม ชุมชนที่ยั่งยืน โดยมี “มูลนิธิเนชั่น” ในการขับเคลื่อนโครงการเพื่อการศึกษา โครงการด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงการประหยัดพลังงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูสังคม
สำหรับการจัดฟอรั่มครั้งนี้ เป็นครั้งสำคัญที่จะจุดประกายความคิดต่อสังคม เพื่อช่วยให้สังคมเป็นสังคมที่ยั่งยืน เพื่อการส่งต่อทรัพยากรที่ดีในอนาคต
สำหรับสถานการณ์สิ่งเเวดล้อมในประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมาได้ประสบปัญหาเกี่ยวกับภัยธรรมชาติที่รุนเเรงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทาด้านอุทกภัย ที่ในหลายพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ทั้งด้านที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน พื้นที่เกษตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
ดังนั้นสิ่งเเวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนควรตระหนัก ให้ความสำคัญ และร่วมกันอนุรักษ์ เพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม / สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย / กรมประชาสัมพันธ์