7 มกราคม 2568 "พรรคพลังประชารัฐ" เป็นพรรคการเมืองที่กำเนิดขึ้นเมื่อปี 2561 จากการรวมตัวของนักการเมืองกลุ่มต่าง ๆ ในการเตรียมพร้อมลงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2562 ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถ่ายโอนอำนาจเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยแบบเต็มใบ หรือ แม้อีกฝ่ายจะมองไม่เต็มใบก็ตาม
อย่างที่ทราบ "พรรคพปชร." เติบโตขึ้นพร้อมกับประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็เพราะอยู่ในช่วงที่ กระแส " 3 ป." ป้อม -ป๊อก -ประยุทธ์ ได้รับความนิยม นักการเมืองต่างค่าย (แม้แต่นักการเมืองที่เป็นรมต.มากหน้าหลายตา ในสังกัดพรรคเพื่อไทยปัจจุบัน ก็ยังมาอาศัยแต้มบุญพปชร. ) ไหลรวมมาอยู่ใน "พรรคพลังประชารัฐ" โดยมี "อุตตม สาวนายน" เป็นหัวหน้าพรรคพปชร. ด้วยการสนับสนุน "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯในขณะนั้น ซึ่งปัจจุบัน ตำแหน่งหัวหน้าพรรค พปชร. เป็น "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่มีการเปลี่ยนแปลง ชนิด เห็นได้ชัด ถึงการเติบโตและตกต่ำของพรรคการเมืองต่างๆ ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 พรรคการเมืองหนึ่งได้รับความนิยม ได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างถล่มทลาย ขณะที่ พรรคการเมืองในยุคทหารเรืองอำนาจซึ่งเคยเติบโต กลับตกอยู่ในสภาพสาละวันเตี้ยลง อันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งภายในทำให้มีเลือดไหลออก กลุ่มก๊วน แตกกระสานซ่านเซ็น ดังเช่น "พรรคพลังประชารัฐ"
การเมืองในปี 2568 คอการเมืองต่างจับตามองทิศทาง "พรรคพลังประชารัฐ" ภายใต้การนำของ "ลุงป้อม" จะเป็นอย่างไรจะไปต่อแบบไหน
"ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์" รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยผ่าน "เนชั่นทีวี" ถึงอนาคตพรรคพลังประชารัฐว่า ต้องยอมรับความจริง ช่วงที่ผ่านมาพรรคมีปัญหา มีสส.กลุ่มหนึ่งแยกออกไป วันนี้มีความชัดเจนว่า มีสส. และสมาชิกพรรคกลุ่มที่ยังอยู่ทำงานดัวยกันอยู่ คิดว่า ปีนี้ในการประชุมใหญ่พรรค ได้พูดคุยกัน ถึงโครงสร้างการทำงานของพรรคขับเคลื่อนพรรคต่อ เพราะเราเชื่อว่า ในทางการเมือง พปชร.เป็นหลักการทำงานเพื่อประชาชนโดย เฉพาะ การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาล ผมเชื่อว่า ประชาชนมีความหวังพปชร. ในการทำงานการเมืองต่อ
"ผมเข้าใจ ทุกคนมองว่า พปชร.ไปไม่ไหวแล้ว มีการแตกแยก มีคนออกไปเยอะ และกระแสนิยม คงไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก เหมือนพรรคใหญ่ แต่ผมเชื่อว่ากลุ่มคนที่อยู่ ยังทำงานการเมือง ยังพูดคุยกันเราจะสู้ต่อไป ทำงานการเมืองร่วมกันต่อไป ผมเชื่อว่ายังมีโอกาสทางการเมือง พรรคการเมืองที่ไม่ใช่พรรคหลัก สามารถทำงานในพื้นที่ให้เป็นทางเลือกให้ประชาชนได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคใหญ่" รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าว
ถามถึง "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี จะยังทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพปชร.ไปจนนาทีสุดท้ายหรือจะเปลี่ยนถ่ายให้คนอื่นมาเป็นผู้นำพรรคแทนหรือไม่ "ชัยวุฒิ" บอกว่า "ลุงป้อมเป็นหัวหน้าพรรที่มีสปิริต ท่านมีจิตวิญญาณที่จะสู้เพื่อลูกพรรค ดูแลทุกคน พยายามช่วยแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ให้ลูกพรรคไปขับเคลื่อนในการอภิปราย หรือนำเสนอปัญหาต่างๆ เช่น กรณีพิพาทพื้นที่อ้างสิทธิ เอ็มโอยู 44 ไทย - กัมพูชา พรรคพปชร.เป็นพรรคการเมืองหลักในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ต้องการแก้ปัญหาเขตแดนไทย – กัมพูชา"
"การจะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคหรือไม่ เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตร ตัดสินใจเอง ผมตอบแทนพล.อ.ประวิตรไม่ได้ แต่คิดว่า ท่านยังมีสปิริต จิตวิญญาณที่จะสู้ รับผิดชอบต่อพรรครับผิดชอบต่อประชาชน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ส่วนอตนาคตเป็นอย่างไร ติดตามดูต่อไป" รองหัวหน้า "ชัยวุฒิ" กล่าวกับเนชั่นทีวี
ปชน.เล็งซักฟอกรัฐบาลแบบไม่ลงมติ พปชร.ไม่เห็นด้วย
"ชัยวุฒิ" ยังได้กล่าวถึง การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ "รัฐบาลแพทองธาร" ว่า ในส่วนของ "พปชร." ได้เตรียมข้อมูลอภิปรายไว้แล้ว แต่คงบอกไม่ได้ เดี๋ยวใกล้ๆ จะมีการเปิดเผยอีกครั้ง ทั้งนี้ ได้พูดคุยกับ "พรรคประชาชน" แล้วว่า อยากให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะยื่นญัตติได้ภายในสมัยประชุมนี้ ก.พ. – มี.ค. ขอให้ติดตามต่อไป แต่เราเชื่อว่า เรามีข้อมูลมีประเด็นอภิปรายแน่นอน เป็นประโยชน์ต่อการทำงานรัฐบาลและประชาชน
"เท่าที่รับทราบในช่วงแรก เห็นว่า พรรคประชาชน จะขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ แต่เราอยากให้ลงมติ ซึ่งเรื่องนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่คิดว่า เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติน่าจะดีกว่า เพื่อทำหน้าที่ให้เต็มที่ ไม่ต้องกั๊ก ไม่ต้องเกรงใจกัน" ชัยวุฒิ กล่าวถึงท่าทีพรรคพปชร.ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแพทองธาร
พปชร. ส่งเลือกตั้งนายกอบจ.ในนามสมาชิกพรรค
"ชัยวุฒิ" กล่าวว่า "การเลือกตั้งนายกอบจ." นั้น "พรรค พปชร." ไม่ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค แต่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง "นายกอบจ. - ส.อบจ." ที่เป็นทีมงานใกล้ชิดกับสส. ให้การสนับสนุนเข้าไปในการหาเสียงเลือกตั้ง มีหลายจังหวัด ทุกจังหวัดที่มีสส.อยู่ เพราะเราเชื่อว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นมีผลกับการเลือกตั้ สส.ด้วย ถ้าเป็นทีมเดียวกัน ช่วยเหลือกัน ทำให้ดูแลประชาชน หาเสียงง่ายขึ้นในอนาคต