svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รมว.อุตฯ ลั่น! ไร้ดีลลับเลื่อนคดีเหมืองทองอัครา จริงจังแก้ PM2.5

24 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

รมว.อุตฯ ลั่น! ไร้ดีลลับเลื่อนคดีเหมืองทองอัครา – ย้ำยึดกฎหมาย-ผลประโยชน์ ปชช. ไม่ทำให้ชาติแพ้คดี ยืนยันรัฐบาลจริงจิงแก้ฝุ่น PM2.5

24 มีนาคม 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลัง นายอิทธิพล ชลธราศิริ สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน กล่าวหารัฐบาลสั่งการให้เลื่อนการตัดสินคดีเหมืองทองอัครา 3 ครั้ง โดยยืนยันว่า ตั้งแต่ตนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีการไปเจรดีลลับต่อรองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยก้าวก่าย และตนก็ไม่เคยไปร้องขอต่อใคร

พร้อมย้ำว่า ในคดีเหมืองทองนี้ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง แต่ข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างบุคคลกับเหมืองทอง แต่เป็นการฟ้องประเทศ ดังนั้น จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ประเทศแพ้คดี และในการดำเนินการใด ๆ ที่ผ่านมา ก็เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบการเหมือง

ส่วนกรณีที่มีการเลื่อนการอ่านข้อพิพาทของอนุญาโตตุลาการนั้น นายเอกนัฏ ยืนยันว่า การเลื่อนตั้งแต่ตนปฏิบัตินหน้าที่ นายกรัฐมนตรี รัฐบาล หรือตนเองไม่เคยขอให้เลื่อน แต่ยึดขั้นตอนตามกระบวนการภายใต้กฎหมายทั้งหมด ไม่เคยมีการเจรจานอกรอบแต่อย่างใด และข้อพิพาทนี้ ยังไม่มีการอ่านคำพิพากษา จึงไม่ควรปรักปรำว่า ใครผิดหรือถูก
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

ส่วนข้อกล่าวหาการออกอาชญาบัตรพิเศษ ทับพื้นที่อุทยาน หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น นายเอกนัฏ ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวก็เคยขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ และจากการรับฟังการอภิปราย ตนก็สับสนว่า ฝ่ายค้านต้องการให้ตอบในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในปัจจุบัน หรืออดีต แต่เท่าที่ตนทราบขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปตามพระราชบัญญัติเหมืองแร่ ไม่มีการออกอาชญาบัตรพิเศษที่ผิดกฎหมาย หรือทับพื้นที่อุทยาน

ดังนั้น จึงยืนยันว่า ในคดีเหมืองทองอัครา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถไปต่อรองแลกเปลี่ยนกระบวนการยุติธรรมได้ และตนก็ไม่เคยนำผลประโยชน์ของประเทศไปต่อรองกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างจึงต้องเป็นไปตามขั้นตอน และรักษาผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง
รมว.อุตฯ ลั่น! ไร้ดีลลับเลื่อนคดีเหมืองทองอัครา จริงจังแก้ PM2.5

ยืนยันรัฐบาลจริงจังแก้ฝุ่น PM2.5 การันตีตัวเลขการเผาลดลงจริง
 

ส่วนการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ตามที่ นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ระบุถึงกรณีที่รัฐบาล ประกาศพื้นที่การเผาอ้อยที่เป็นปัญหาการเกิดฝุ่น PM2.5 ลดลง แต่จากการตรวจสอบกลับพบมีการเผา มากกว่าที่รัฐบาลประกาศนั้น

นายเอกนัฏ ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรี และตนเองได้ให้ความสำคัญกับปัญหานี้ เพื่อหามาตรการแก้ปัญหาฝุ่นในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว พร้อมย้ำว่า ปริมาณการเผาอ้อยในปีนี้ตามตัวเลขที่มีการตรวจวัด ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์สูงสุดของประเทศ จึงไม่ทราบว่า ข้อมูลนายภัทรพงษ์ ได้นำตัวเลขมาจากที่ใด ซึ่งการเผาเพื่อส่งอ้อยนอกระบบไปผลิตเอทานอลนั้น ก็มีปริมาณ 1,000,000 ตัน จากปริมาณทั้งหมด 90 ล้านตัน หรือคิดเป็นเพียง 1% และใน 1% ของ 1,000,000 ตันซึ่งส่วนใหญ่เป็นอ้อยสด
นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน

นายเอกนัฏ ยังย้ำอีกว่า ที่ผ่านมามีการสั่งปิดโรงงานน้ำตาลไปแล้ ซึ่งสะท้อนว่า รัฐบาลในช่วงนี้มีความชัดเจน จริงจัง ในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งแม้เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะได้รับผลกระทบ แต่รัฐบาลก็พยายามทำให้เอกชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุก และเกษตรกร ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี พร้อมเปิดเผยด้วยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ยังจะมีการออกมาตรการทำงานร่วมกับเกษตรกร และโรงงาน ในการกำจัดซากการเกษตร เพื่อไม่ให้เกิดการเผาจนเกิดฝุ่น PM2.5
รมว.อุตฯ ลั่น! ไร้ดีลลับเลื่อนคดีเหมืองทองอัครา จริงจังแก้ PM2.5

รมว.กต.โต้ฝ่ายค้านไม่ประสานเพื่อนบ้านแก้ฝุ่น PM2.5
 

-ขณะที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ลุกขึ้นชี้แจงกรณี นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ระบุถึงกรณีที่รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ กับการผลักดันความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ทั้งในภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นที่เป็นต้นเหตุการเกิดฝุ่น PM2.5 โดยยืนยันว่า ที่ผ่านมา รัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนภายใต้ “ยุทธศาสตร์ฟ้าใส”

ระหว่างไทย, สปป.ลาว และเมียนมา ตั้งแต่ตุลาคม 2567 และความร่วมมือในกรอบอาเซียน ในการแก้ไขปัญหา PM2.5 รวมทั้งผลักดันความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียนทั้ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และแคนาดาอย่างเข็มข้น เช่น การจัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยง, การเกิดไฟป่า, การเปิดสายด่วน และการจัดตั้งกลไกเฝ้าระวังและติดตามหมอกควันข้ามแดนระหว่างทั้ง 3 ประเทศ รวมถึงยังอยู่ระหว่างการเตรียมจัดโครงการส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีกับประเทศคู่เจรจาที่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาดังกล่าว และในเดือนเมษายนนี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพประชุม Joint Task Force เพื่อระดมความร่วมมือในการแก้ปัญหาด้วย 

ส่วนการแก้ไขฝุ่น PM2.5 ในกรอบความร่วมมืออาเซียนว่า รัฐบาลได้ดำเนินการผ่านกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เวียงจันทน์ และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงยังจัดงานสัมมนาแนวทางการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียน โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากจีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย องค์การอนามัยโลก ธนาคารโลก และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี (GIZ) และศูนย์เตรียมความพร้อมภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาหมอกควันในประเทศต่าง ๆ

พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือ ผ่านกรอบการประชุมประเทศภาคีข้อตกลงอาเซียน ว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ซึ่งมีกระทรวงทรัพย์ฯ เป็นหน่วยงานหลัก เพื่อให้มีความเป็นรูปธรรม 

ส่วนการดำเนินการในกรอบของทวิภาคีนั้น กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้ร่วมกับประเทศพัฒนาแล้วให้ความช่วยเหลือโครงการความร่วมมือไตรภาคี เพื่อเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่ สปป. ลาว เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ระยะเวลา 3 ปี เมื่อเดือนมกราคม 67 รวมถึงยังได้ประชุมร่วมกับกัมพูชา เมื่อ 8 มี.ค.67 โดยไทยได้เสนอจัดตั้งช่องทางการสื่อสาร เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ จำนวนจุดความร้อน และความร่วมมือในการดับไฟ

ซึ่งล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่ายยังเตรียมลงนาม MOU ระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อม ราชอาณาจักรกัมพูชา กับกระทรวงทรัพย์ฯ ของไทย ในห้วงการเดินทางเยือนของนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ 23-24 เมษายนนี้ด้วย 

 

logoline