19 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 23.30น. วันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ท่าอากาศกองบิน 6 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พลตำรวจเอก รอย อิงค์ไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และคณะผู้แทนไทย ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศ ไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ หลังจากประเทศไทยส่งกลับ
เมื่อเดินทางไปถึง คณะจะแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดของนายภูมิธรรม กับ ชุดของ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ทั้งนี้ ที่ต้องมีการแยกคณะ เนื่องจากมณฑลซินเจียงเป็นพื้นที่ใหญ่มาก ใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า และชาวอุยกูร์ต่างก็แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา ตามเมืองต่างๆในมณฑลซินเจียง ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน โดยคณะต้องนั่งรถออกไป 250-300 กิโลเมตร
นอกจากนี้ จะมีการหารือกับผู้นำศาสนาอิสลาม ที่มัสยิดอิดกะฮ์ รวมทั้งมีการประชุมหารือร่วมกับแพทย์ที่รักษาตัวชาวอุยกูร์ ก่อนที่ช่วงค่ำ จะหารือกับ นายหม่า ซิงรุ่ย เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทาง ว่า ตั้งใจจะไปดู 40 คนที่เราส่งไปครั้งนี้ และขณะนี้ยังได้ขอทางจีนไปผ่านทาง นายหาน จื้อเฉียง เอกอักคราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อเจอกับกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ส่งไปรอบก่อนหน้านี้ ซี่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ คิดว่าจะพยายามจัดการให้ ตนอยากให้เห็นว่ากระบวนการต่างๆสามารถทำให้ชาวอุยกูร์เลือกอนาคตของตัวเองได้ ตนตั้งใจเจอทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและจะไปพบกับผู้นำทางศาสนาอิสลามในพื้นที่ ซึ่งคล้ายกับจุฬาราชมนตรีของไทย รวมถึงแพทย์ผู้ให้การรักษา เพื่อให้รู้ว่าเขากลับไปแล้วเป็นอย่างไร
“เราพยายามไปเจอที่บ้านให้ได้มากที่สุด แต่เท่าที่ทราบเขาอยู่ห่างไกลกันมาก เนื่องจากพื้นที่ซินเจียงอุยกูร์ ใหญ่กว่าไทยถึง 3 เท่า โดยจะพบกับชาวอุยกูร์ที่อยู่ใกล้เมืองคาซือ ระยะทางห่างประมาณ 150 -170 กิโลเมตร แต่ถ้าไกลกันมาก ก็ขอให้ใช้ระบบซูมเข้ามาจะได้พูดคุยและเห็นหน้า”
พร้อมทั้งยังได้ขอนายหาน ให้สื่อมวลชนที่ไปกับคณะเข้าไปยังบ้านพักที่ตนเข้าไปพบด้วย ตนขอให้ทางการจีนยืดหยุ่นกับเรา ถ้ามีเงื่อนไขเต็มไปหมดแล้วไม่ได้เจอใครเลย ถ้าไปอย่างนี้ตนตายแน่ เราอยากให้สื่อได้เจอ และคณะที่เดินทางไปนี้มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่คอยดูแลคนเหล่านี้ร่วมคณะไปด้วย เพื่อจะได้ช่วยสื่อสารเพราะคุ้นเคยกัน
“เราอยากดูชาวอุยกูย์ตามสิ่งที่เขาเป็น เพื่อให้เห็นว่าตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รวมถึงการฝึกอาชีพให้กับเขาอย่างไร เพื่อให้รู้ว่าตอนนี้ต่างไปจาก 10 ปีที่แล้วอย่างไร และเหตุผลที่ขอให้เบลอภาพชาวอุยกูร์นั้น เพราะเป็นความประสงค์ของเขาเพราะเขาอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติ”